คำสั่งปลดพระผู้ใหญ่วัดดัง แบบฟ้าผ่าเปรี้ยง เนื่องจากปมประเด็นเรื่องผลประโยชน์ และ
ฉาวโฉ่ถึงขั้นลือกันว่าพัวพันสีกานอกเหนือจากสมีคำ คงเป็นพระองค์ไหนไม่ได้
นอกจาก พระเทพเวที อดีตเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม เงียบหายไป
ไทยรัฐออนไลน์จะพาย้อนไปถึงปมการสั่งปลดพระเทพเวทีเนื่องจากครบ 3 ปี
กับคำสั่งปลดดังกล่าว
ข่าวคาวของสมีคำ
เพิ่งจะเงียบหายไปแวดวงพระสงฆ์บอบช้ำอย่างหนักที่ถูกบุคคลที่เป็นมารศาสนามา
เกาะกินหาผลประโยชน์โดยใช้พระพุทธศาสนามาบังหน้า
ซึ่งข่าวคราวพระสงฆ์เข้าไปพัวพันสีกา
และแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนก็มีมาให้เห็นอยู่เนืองๆ อย่างกรณีพระเทพเวที
(ยิ้ม ภัททธัมโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม หรือที่รู้จักกันว่า
วัดสมเด็จย่า ผ่านมาแล้ว 3 ปี บางคนอาจจะลืมกับข่าวสะท้านวงการผ้าเหลืองนี้ไป ซึ่ง
ไทยรัฐออนไลน์จะมาย้อนเหตุการณ์ร่ายเรียงเรื่องดังกล่าวว่าเป็นมาอย่างไร
ซึ่ง ต้นสายปลายเหตุนั้นก็เริ่มมาจากมีผู้เช่าที่วัดในย่านตลาดน้อย
เขตสัมพันธวงศ์ ร้องเรียน พระเทพเวที ต่อพระพรหมโมลี
เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม และเจ้าคณะภาค 1 และ
ร้องไปยังสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงครามและเจ้าคณะใหญ่หนกลาง
ว่าได้รับความเดือดร้อนจากการขึ้นค่าเช่าอาคารของวัดที่ไม่เป็นธรรม
เจ้าคณะภาค 1 จึงทำการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ข้อเท็จจริง และคณะกรรมการพบว่าพระเทพเวทีมีความผิดตามที่ถูกกล่าวอ้างจริง โดย ให้บุคคลที่ไม่ใช่ไวยาวัจกร เข้ามามีอำนาจหน้าที่ดูแลเรื่องจัดการผลประโยชน์ของวัด โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวประกอบด้วย นายนินนาไท นิลเอสงฆ์ ที่เป็นบุคคลที่ถูกศาลฟ้องล้มละลาย นางอัญชนา กิล หรือ นางแขก ที่เป็นแขกซิกข์โอนสัญชาติ และถูกพระลูกวัดอ้างว่าเป็นสีกาคนสนิทที่อาจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับพระเทพเวที และยังมอบอำนาจให้บริษัทคนใกล้ชิดดูแลเรื่องสัญญาเช่าอาคารที่ตลาดน้อยถึง 25 ปี คือบริษัท บี แอนด์ บี คอนซัลท์ตัลที่ปัจจุบันปิดตัวลง คณะกรรมการตรวจสอบจึงได้สรุปชี้มูลความผิดส่งให้เจ้าคณะภาค 1 เพื่อเสนอต่อมหาเถรสมาคม
เจ้าคณะภาค 1 ได้ ทำการเรียกพระเทพเวทีมาให้ปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับการจัดประโยชน์อาคารบนที่ ธรณีสงฆ์ของวัดแต่พระเทพเวทีกลับไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าคณะภาค 1 และ ทำการตรวจสอบที่ดินของวัดอนงคาราม ย่านลาดกระบัง หลังมีผู้ร้องเรียนว่ามีการขุดดินเพื่อประโยชน์ตนในที่ธรณีสงฆ์ของวัดอนงคา ราม พบว่ามีการนำที่ดินที่ขุดได้ จากพื้นที่ 1 ไร่ 2 งาน ไปขายจริง
จนวันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2554 ในที่ประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 1 / 2554 ได้มีการเสนอวาระจร ต่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ให้ปลดพระเทพเวที (ยิ้ม ภทฺรธมฺโม ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดอนงคาราม แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม เนื่องจากมีความผิดคือ 1. แต่งตั้งหรือใช้บุคคลให้ทำหน้าที่เช่นเดียวกับไวยาวัจกร 2. ให้การอันเป็นเท็จ และ 3. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ศาสนสมบัติวัดและขัดคำสั่งเจ้าคณะภาค 1 แต่มีเหตุควรปรานี เพราะเคยรับสนองงานการคณะสงฆ์ ในตำแหน่งเจ้าคณะเขตคลองสาน และรองเจ้าคณะภาค 1 อีกทั้งเป็นผู้ที่มีอายุกาลพรรษามาก จึงเสนอว่าพระเทพเวที เจ้า อาวาสวัดอนงคาราม หย่อนความสามารถ จึงเสนอให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม ฐานหย่อนความสามารถ ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เสนอ และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.2554 เป็นต้นมา และ ยังมีคำสั่งอายัดทรัพย์สินทั้งหมดของวัดอนงคารมไว้ตรวจสอบโดยห้ามมิให้ผู้ใด โยกย้ายทรัพย์สินเป็นเด็ดขาด ประชาชนที่อยู่ในย่านใกล้เคียงวัดรวมตัวกันขับไล่หน้ากุฏิ รวมถึงพระลูกวัดที่ไม่พอใจพฤติกรรมของพระเทพเวที จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บุปผาราม ต้องมาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย สถานการณ์ในขณะนั้นวัดสมเด็จย่าบรรยากาศก็อึมครึม จากที่ผู้คนไม่ค่อยเข้ามา เหตุการณ์นี้เหมือนเป็นระเบิดเวลาที่ระเบิดขึ้นมาแล้วรอสงบ
วันที่ 18 ม.ค.
พระราชปัญญารังษี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม
ในฐานะเจ้าคณะเขตคลองสาน เดินทางมาที่กุฏิพระเทพเวที
พร้อมพระบัญชาสมเด็จพระพุฒาจารย์
ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชในขณะนั้น
ที่ให้พระเทพเวทีพ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาส
นำมาให้พระเทพเวทีลงลายมือรับทราบพระบัญชา ใช้เวลาประมาณ 15 นาที พร้อมแจ้งพระภิกษุสามเณรในวัดว่าให้มาพร้อมเพรียงกันที่พระอุโบสถ เวลา 18.00 น.เย็นวันเดียวกัน เพื่อร่วมพิธีมอบพระบัญชาแต่งตั้งผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดอนงคารามให้กับพระราชปัญญามุนี (ขิม อิสฺสรธมฺโม ป.ธ.5) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอนงคาราม และ ผอ.ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หลัง
จากนั้นพระเทพเวทีก็ได้เก็บตัวเงียบภายในกุฏิ
เจ้าตัวก็ยืนยันจะอุทธรณ์โดยได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าคำสั่งดัง
กล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่เป็นธรรม ส่วนคนสนิท อย่างสีกา นางแขก
ก็ปิดบ้านเงียบไร้ร่องรอย รวมถึงบริษัทที่รับดูทรัพย์สินของทางวัดที่เรียกเก็บค่าเช่าอาคารพาณิชย์จนคนเช่าโวยรวมตัวกันขับไล่ปิดบริษัทหนีความผิดไป
หลังจากทุกอย่างกระจ่างชัดแจ้งแล้ว
พระเทพเวทีก็ยังไม่วายจบยืนยันว่าการกระทำของตนเองเป็นไปโดยความบริสุทธิ์ใจ
และทำการยื่นอุทธรณ์คำสั่งถึงคณะกรรมการที่ตรวจสอบ แต่ก็เหมือนหลักฐานพยาน
และพฤติกรรมเป็นที่ปรากฏแจ้งชัดเจนแล้วอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่ได้ถูกรับการ
พิจารณา
วันเวลาผ่านไปจนวันนี้พระเทพเวทียังคงจำพรรษาอยู่ที่วัดอนงคารามเหมือนเดิม
และมีลูกศิษย์ที่ยังเคารพอยู่เข้าแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนดูแลแม้ว่าเนื่องจาก
ชราภาพมากและมีโรคประจำตัว
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา
กล่าวยืนยันว่า
ในขณะนั้นอุทธรณ์ของพระเทพเวทีทางเถรสมาคมไม่ได้เอามาพิจารณาเพราะถือว่าคำ
สั่งถึงที่สุดแล้ว และพอมีคำสั่งปลดออกจากเจ้าอาวาส
พระเทพเวทีก็ได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดอื่นอยู่พักใหญ่
ก่อนจะขอย้ายกลับมาจำพรรษาที่วัดอนงคารามเหมือนเดิม
ทั้งนี้วัดอนงคารามก็กลับมามีพุทธศาสนิกชนเข้ามาแวะเวียนทำบุญกันมากขึ้นพระ
ลูกวัดสมัครสมานสามัคคีภายใต้การดูแลของพระปัญญามุนีเจ้าอาวาสคนปัจจุบัน
ส่วนพระเทพเวทีกลับมาจำพรรษาที่วัดอนงคารามนั้นก็เป็นไปตามที่ท่านเคยประกาศ
ผ่านสื่อไว้เมื่อ 3 ปี
ว่า “จะขอตายที่วัดนี้”รองเท้าผ้าใบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น