"พรรค ปชป."
เปิดพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย มุ่งเน้นขจัดคอร์รัปชัน ลดอำนาจนักการเมือง
ลดความเหลื่อมล้ำ
พร้อมผลักดันมาตรการให้สามารถบังคับใช้ได้ทันทีในอนาคต...
วัน
ที่ 7 ม.ค. 57 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
พร้อมด้วยแกนนำพรรค อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์
ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ
ประธานสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย
ร่วมกันแถลงเปิดพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย "ขจัดคอร์รัปชัน มุ่งมั่นปฏิรูป"
ที่หอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร
นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เสนอพิมพ์เขียวการปฏิรูปประเทศที่ครอบคลุมทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แบ่งเป็น 7 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการขจัดและป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ด้านการเลือกตั้งที่เป็นธรรม ปฏิรูปด้านระบบราชการและการกระจายอำนาจ ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านการศึกษา และปฏิรูปสื่อมวลชน ซึ่งจากนี้ไปพรรคประชาธิปัตย์จะรวบรวมประเด็น วิเคราะห์ และหามาตรการการแก้ไขปัญหา และเชิญชวนประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังในทุกๆ ด้าน
นาย อภิสิทธิ์ ยังระบุว่า สำหรับปัญหาการคอร์รัปชัน ถือเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูป จึงจำเป็นต้องปฏิรูปก่อน เพราะปัญหาคอร์รัปชันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสการแข่งขันใน ทุกๆ ด้าน ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีมูลค่าการสูญเสียจากคอร์รัปชันมากถึง 3 แสนล้านบาท ที่สำคัญปัญหาการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้น กำลังทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการแข่งขัน การรับการลงทุนในอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีหน้า ที่ผ่านมาต่างชาติได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือด้านการต่อต้านคอร์รัปชันมาโดย ลำดับ จากที่เคยเป็นประเทศที่น่าลงทุนอันดับที่ 2 ของอาเซียน ตอนนี้ตกมาอยู่ลำดับที่ 4
นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เสนอพิมพ์เขียวการปฏิรูปประเทศที่ครอบคลุมทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แบ่งเป็น 7 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการขจัดและป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ด้านการเลือกตั้งที่เป็นธรรม ปฏิรูปด้านระบบราชการและการกระจายอำนาจ ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านการศึกษา และปฏิรูปสื่อมวลชน ซึ่งจากนี้ไปพรรคประชาธิปัตย์จะรวบรวมประเด็น วิเคราะห์ และหามาตรการการแก้ไขปัญหา และเชิญชวนประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังในทุกๆ ด้าน
นาย อภิสิทธิ์ ยังระบุว่า สำหรับปัญหาการคอร์รัปชัน ถือเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิรูป จึงจำเป็นต้องปฏิรูปก่อน เพราะปัญหาคอร์รัปชันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสการแข่งขันใน ทุกๆ ด้าน ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีมูลค่าการสูญเสียจากคอร์รัปชันมากถึง 3 แสนล้านบาท ที่สำคัญปัญหาการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้น กำลังทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการแข่งขัน การรับการลงทุนในอาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีหน้า ที่ผ่านมาต่างชาติได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือด้านการต่อต้านคอร์รัปชันมาโดย ลำดับ จากที่เคยเป็นประเทศที่น่าลงทุนอันดับที่ 2 ของอาเซียน ตอนนี้ตกมาอยู่ลำดับที่ 4
สำหรับ ในปัจจุบัน การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย ส่วนใหญ่มาจากการทุจริตเชิงนโยบาย การปล้นทรัพยากร การฮั้วประมูล การซื้อความได้เปรียบ ซื้อความสะดวก ซื้อผิดเป็นถูก ฉะนั้นมาตรการที่จะขจัดปัญหาการคอร์รัปชันได้ มี 4 ด้าน คือ ป้องกัน โปร่งใส ปลูกจิตสำนึก และปราบปราม ด้านการปราบปรามนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่มีหมดอายุความ เพิ่มอำนาจ ป.ป.ช. ในการสืบสวน เพิ่มบทบาท สตง. และผู้ตรวจการแผ่นดิน และต้องมีการตรวจสอบภาษีย้อนหลังของนักการเมือง ผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานรัฐ
ด้านการป้องกันนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกฎหมาย พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของข้าราชการ พศ. ... มีกฎหมายการจัดซื้อ จัดจ้าง เพื่อควบคุมการตั้งราคากลาง และให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม ไม่ต้องมีการจ่ายใต้โต๊ะ และต้องลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจให้กับประชาชน/ห้ามเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมดำรงตำแหน่ง เป็นกรรมการในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และต้องจัดให้มีการประเมินความเสี่ยงของการคอร์รัปชันของนโยบายและโครงการ ขนาดใหญ่
ส่วน มาตรการด้านความโปร่งใสนั้น จะต้องจัดให้มีข้อตกลงคุณธรรมในการจัดซื้อ จัดจ้าง ในทุกขั้นตอนต้องมีผู้ตรวจสอบอิสระ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสให้มากขึ้น เพิ่มมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลของรัฐวิสาหกิจให้เทียบเท่ากับบริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์/ต้องแก้กฎหมายข้อมูล ข่าวสารของข้าราชการให้สามารถตรวจสอบข้อมูลข้าราชการได้ง่ายขึ้น สุดท้ายต้องเพิ่มความเข้มข้นในการเปิดเผยข้อมูลทรัพย์สิน และผลประโยชน์ทางธุรกิจของผู้บริหารระดับสูง
สุด ท้าย มาตรการด้านการปลูกฝังนั้น การปฏิรูปจะต้องขยายผลหลักสูตร โตไปไม่โกง สนับสนุนการวิจัยที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งหน่วยงานเฝ้าระวัง ด้านคอร์รัปชัน รวมถึงจะต้องจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการต่อต้านการคอร์รัปชันด้วย ทั้งหมดนี้ หากพรรคประชาธิปัตย์ได้กลับเข้าไปบริหารประเทศ หรือกลับเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง จะเร่งผลักดันในเรื่องดังกล่าว เพราะสามารถทำให้เป็นรูปธรรมได้ทันที ส่วนการปฏิรูปอีก 6 ด้านที่เหลือ พรรคประชาธิปัตย์จะแถลงในโอกาสต่อไป
ทั้ง นี้ ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์กล่าวเปิดงาน ได้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อชายวัยกลางคนได้ลุกขึ้นเป่านกหวีด พร้อมชูป้าย RESPECT MY VOTE และตะโกนไม่เห็นด้วยกับแนวทางการปฏิรูปของพรรค พร้อมถามว่า คุณยังกล้าปฏิรูปหรือ? ประชาชนไม่เอาคุณแล้ว คุณข่มขู่คุกคามคนอื่นได้ แต่คนอื่นทำไรคุณไม่ได้ จนฝ่ายรักษาความปลอดภัยต้องเชิญตัวออกไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น