วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2557

น้อยใจรักน้องมากกว่า! พี่สารภาพฆ่ายกครัว3ศพ



ลูกชายคนโตสารภาพสิ้น เป็นคนปลิดชีพ พ่อแม่และน้อง 3 ศพยกครัว อ้างถูกดุด่าเรื่องผลการเรียนตก วางแผนใช้ยานอนหลับ แต่ไม่เป็นผล ก่อนลงมือเหี้ยม ฆ่าเรียงคน 3 ศพ ลั่นเสียใจ "ผมขอโทษ"
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 มี.ค 57 ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง.ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ตระกูล เกียวประเสริฐ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าว จับกุมตัวนายบี (นามสมมติ) อายุ 18 ปี หลังจากวางแผนฆ่าโหดใช้อาวุธปืนยิงพ่อแม่และน้องชายตัวเอง จนเสียชีวิต ที่บ้านใน ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 มี.ค 57

สอบสวนนายบี รับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้มาทวงสัญญากับพอและแม่ เรื่องที่จะซื้อรถให้หากเข้ามหาวิทยาลัยได้ ซึ่งตนก็เข้าได้แล้วและเรียนมา 1 ปี แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้ จึงทำให้โดนดุด่าเรื่องผลการเรียนตก ไม่สนใจเรียน และเรื่องอื่นๆ รวมถึงเรื่องน้องที่รู้สึกว่าพ่อแม่รักน้องมากกว่าตน ซึ่งพ่อกับแม่จึงไม่ยอมซื้อให้ ทำให้คนรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก ตนจึงวางแผนจะวางยานอนหลับบิดาและมารดาก่อน โดยเป็นยานอนหลับชนิดละลายน้ำแต่ไม่เป็นผล จึงได้ไปซื้อยานอนหลับชนิดใหม่ เป็นชนิดน้ำ และคืนเกิดเหตุกะจะวางยานอนหลับอีกครั้งแต่ยากลับตกพื้นแตกเสียก่อน โดยตนก็ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะกินหมูกระทะเสร็จ แล้วแยกย้ายกันเข้านอนตามปกติ โดยตนเข้าไปนอนที่ห้องนอนชั้น 2 ส่วนพ่อแม่และน้อง เข้านอนที่ห้องนอนที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน จากนั้นตนได้ไปเจอกล่องเก็บปืนของพ่อที่วางอยู่ในห้องตน จึงได้หยิบปืนออกมา แล้วเดินไปที่ห้องพ่อ พบว่าห้องไม่ได้ล็อก จึงเปิดเข้าไปพบ ทั้ง 3 คนนอนอยู่ ทีแรกคิดจะยิงแม่เพียงคนเดียว แต่เกรงว่าพ่อ และน้องชายจะตื่นมาเจอ จึงได้ตัดสินใจยิงทั้ง 3 คน

"รู้สึกกังวลกับ สิ่งที่ทำ และเกรงกลัวความผิด จึงได้นำปืนมาวางไว้ข้างศพน้องชาย เพื่อกลบเกลื่อนความผิด แล้วก็ล็อกประตูห้องนอนแล้วออกมาทางประตูห้องน้ำ ก่อนที่จะลงมาด้านล่าง จนกระทั่งเวลา 07.00 น. ของวันต่อมา จึงได้ขับรถออกไปที่คอนโดฯ แล้วโทรศัพท์ไปหาป้าว่าติดต่อพ่อไม่ได้ แล้วก็พบเจอศพดังกล่าว ซึ่งในตอนนี้ ผมรู้สึกเสียใจที่ทำไปอย่างนี้ และขอโทษพ่อแม่และน้อง และญาติพี่น้องทุกคน" นายบี กล่าว

รองเท้าผ้าใบ

'เฉลิม'เปรยเลิก'พรก.ฉุกเฉิน' อัด ส.ว.ยื่นศาลรธน.สอย'นายกฯ'


"เฉลิม" อัด ส.ว.ยื่นศาล รธน. สอย "นายกฯ" อ้างคืนตำแหน่งให้ "ถวิล" แล้ว ไร้ข้ออ้างล้มรัฐ เปรยอาจยุบ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห่วง ป.ป.ช. ฟันจำนำข้าว ทำนายกฯ พ้นสภาพ...
วันที่ 11 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 นำรายชื่อ 27 ส.ว. ยื่นคำร้องเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต้องสิ้นสุดจากความเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ จากการมีคำสั่งโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ว่า เป็นสิทธิที่ยื่นได้ แต่เชื่อว่าไม่มีผล เพราะสมัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ย้ายข้าราชการ หูดับตับไหม้ ไม่เห็นมีใครเอาเรื่อง เพราะคนถูกย้ายมีสปีริต เหมือนกับอเมริกาเปลี่ยนประธานาธิบดี ก็ต้องเปลี่ยนเอฟบีไอ
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ย้าย นายสุรพล เผื่อนอัยกา อดีตเลขาธิการ สมช. และ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เพราะเป็นพวกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ทั้งสองคนไม่โวยวาย ยอมรับกติกา เพราะ ผู้นำรัฐบาลไม่ใจวางใจ แต่พอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ย้ายนายถวิล พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นจะตาย จะบ้าจะคลั่ง มองเงาตัวเองบ้าง

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า อยากถาม 27 ส.ว.ไปยื่นทำไม ศาลปกครองสั่งให้คืนตำแหน่งนายถวิล รัฐบาลก็คืนให้ ไม่เห็นจะมีประเด็นตรงไหน ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งก็เป็นแบบนี้ ไม่รู้จักคำว่า ประชาธิปไตย ไม่เคยไปปราศรัย ไหว้ชาวบ้าน และเห็นว่า นายถวิลควรเอาเยี่ยงอย่างนายสุรพล และ พล.ท.ภราดร และการที่นายถวิลขึ้นเวที กปปส. ถือเป็นผู้ต้องหากบฏ ถ้าตนยังนั่งเป็น ผอ.ศรส. ยังนึกไม่ออกจะนั่งร่วมประชุมกับนายถวิลอย่างไร

เมื่อ ถามว่า หากนายถวิลกลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. จะกระทบต่อการทำงานของรัฐบาล หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่กระทบ เพราะนายถวิลไม่ได้เก่งกาจอะไร และจะทำงานร่วมกันได้ ไม่มีปัญหา นายถวิลจะเก่งอะไร ตัดข่าวจากมติชนมาวิเคราะห์ เหมือนปีศาจคาบไปป์ วิเคราะห์จนรัฐบาลเจ๊ง 

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อไปว่า ส่วน ศรส.จะยุบหรือไม่ ตนไม่มีปัญหา อยู่ไปก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะศาลมีคำสั่งห้าม 9 ข้อ และมีข่าวว่า นายกฯ จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สถานการณ์วันนี้ บ้านมืองยังไม่สงบ เนื่องจากมีเหตุระเบิดตลอด และเหตุระเบิดที่สวนลุมพินี เมื่อวันที่ 10 มี.ค. น่าสงสัย ปกติเวลามีระเบิด กปปส.จะให้ทหารเข้า แต่ครั้งนี้ไม่ให้เข้า ตำรวจก็ไม่ให้เข้า มีคนแอบมากระซิบว่าทำระเบิดกันเอง ไม่มีใครยิง ไม่จบหรอก สงครามเพิ่งเริ่มต้น

ส่วนเหตุระเบิดเอ็ม 79 ที่บ้านนายสุเทพ ตนก็ได้ดูตามข่าว เขาจะไม่เอาเรื่องไม่ได้หรอก ตำรวจต้องสืบสวนสอบสวน เพราะเป็นอาญาแผ่นดิน จะแสดงความสปอร์ต ใครยิงบ้านไม่เอาเรื่องไม่ได้ ต้องว่า ตามกฎหมาย ยืนยันบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ยากจะอยู่กันอย่างไร เดี๋ยวก็ระเบิด หรือนั่งรถไปสองคัน ปิดบริษัทนั้นบริษัทนี้ ส่วนเรื่องปฏิรูป เอาหมอไปปฏิรูปเรื่องความยากจน เหมือนเอาไก่ไปว่ายน้ำ มันต้องเอาเป็ด

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า การที่ตนไปยื่นอุทธรณ์และขอทุเลาคำสั่งศาลแพ่ง รวมถึงยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความการชุมนุม กปปส. ไปเป็นโดยสงบหรือไม่ เพื่อเอาไว้เป็นกรณีศึกษา เผื่อวันหน้ารัฐบาลออกพระราชกำหนดอีก จะได้นำมาใช้ได้ และสิ่งที่ ศรส.ห่วงหลังจากนี้คือ ความไม่สงบ อีกฝ่ายยืนในระบอบประชาธิปไตย แต่อีกฝ่ายแฝงเผด็จการ

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณเห็นว่า นายกรัฐมนตรีควรใช้มาตรการเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในเวลานี้นั้น ในฐานะเป็น รมว.แรงงาน คงไม่กล้าแสดงความเห็น เมื่อถามว่าประเด็นที่คิดว่า จะส่งผลเร็วที่สุดต่อรัฐบาลจากศาลรัฐธรรมนูญ คือ เรื่องอะไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ศาลรัฐธรรมนูญไม่น่ากลัว และประเด็นการแก้ไขที่มา ส.ว. ก็ไม่น่ากลัว จะเป็นไปถอดถอนใคร เพราะขณะผู้จะถูกถอดถอนไม่มีตำแหน่ง มองว่าไม่มีปัญหา ที่น่ากลัว คือ ป.ป.ช. ตนดูการเมืองไม่ผิด โดยเฉพาะเรื่องข้าว เดิมทีไม่มีชื่อนายกฯ ที่จะตกเป็นผู้ต้องหา ตนตามมาตลอดเรื่องนี้ แต่จู่ๆ บอกต้องเอานายกฯ ให้ได้ โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งนายกฯ พร้อมชี้แจง เรื่องนี้น่ากลัว เมืองไทยการเมืองอยู่ยาก ต้องทันเกม และไม่กล้าประเมินว่า ป.ป.ช.จะใช้เวลาเท่าไร แต่คิดว่า จะเหนือการคาดการณ์ เรื่องนี้ ป.ป.ช.ต้องให้ความเป็นธรรม ถ้าตัดสินขัดสายตาคนดู ปัญหาก็จะเกิด

เมื่อ ถามว่า ห่วงการเลือกตั้ง 2 ก.พ. จะเป็นโมฆะหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี พวกคิดเพ้อเจ้อ เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ห่วงและเชื่อว่า มีแนวโน้มโมฆะ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พ.ต.ทักษิณ มีสิทธิ์ห่วง เพราะอยู่ไกลเหตุการณ์ และตนไม่อยากพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่ได้ยืนอยู่ในระบอบประชาธิปไตย นักการเมืองอื่นอาจจะกลัวพรรคประชาธิปัตย์ หรือกลัวนายสุเทพลากไส้ แต่คนชื่อ เฉลิม อยู่บำรุง ปลอดภัย และการที่นายสุเทพเริ่มวางกรอบการปฏิรูปประเทศนั้น มีคนเขียนให้เสร็จแล้ว แสดงให้เห็นว่า ที่มาชุมนุมเพื่อต้องการปฏิรูปประเทศ แต่จริงๆ มีเป้าหมายหลัก คือ การล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ด้วยวิธีการใดก็ได้

เมื่อ ถามว่า นายสมชัย ศรีสุทธยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ระบุว่าจะมีรัฐบาลได้เดือนมิถุนายน จะเป็นไปได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ภาวนา แต่ต้องได้รัฐบาลประชาธิปไตย ดีที่สุด เลือกให้จบ จัดตั้งรัฐบาล มีนายกฯ ใหม่ และปฏิรูปการเมืองเสร็จ แล้วยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ ดีที่สุด บ้านเมืองไปได้

รองเท้าผ้าใบ

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

'มาเลเซียแอร์ฯ' เผยเช็กสภาพ 'โบอิ้ง777' ก่อนหาย 10 วัน


'มาเลเซีย แอร์ไลน์ส' มีแถลงการณ์ถึงความคืบหน้าล่าสุดของการค้นหาเครื่องบิน โบอิ้ง 777 ที่หายสาบสูญไป ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่พบเครื่องบิน และได้ขยายกรอบค้นหาในพื้นที่ช่องแคบมะละกา และการค้นหาบนบกด้วย...

แถลง การณ์บนเว็บไซต์ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ซึ่งโพสต์เมื่อเวลา 11:15 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ระบุว่า พวกเขายังไม่พบเครื่องบินที่หายไปแม้ย่างเข้าสู่วันที่ 4 แล้ว ทีมค้นหาและกู้ภัยได้ขยายกรอบการค้นหานอกเหนือไปจากเส้นทางการบินของเที่ยว บินนี้ โดยมุ่งไปที่บริเวณช่องแคบมะละกา ทางตะวันตกของมาเลเซีย เจ้าหน้าที่กำลังมองหาความเป็นไปได้ที่เที่ยวบิน MH370 จะพยายามเดินทางกลับมาที่เมืองซูบัง เรายังพิจารณาทุกแง่มุม และไม่ตัดความเป็นไปได้ใดๆ ออกไป

ตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่เที่ยวบิน MH370 จะหายไปจากจอเรดาร์อยู่ที่พิกัด 6.5515 องศาเหนือ (ลองจิจูด) และ 103.3443 องศาตะวันออก (ละติจูด) ภารกิจค้นหาได้รับความช่วยเหลือจากหลายประเทศ คือ ออสเตรเลีย, จีน, ไทย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา มีเครื่องบินทั้งหมด 9 ลำ และเรืออีก 24 ลำเข้าร่วมในภารกิจครั้งนี้

นอก จากการค้นหาในทะเลแล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้ทำการค้นหาบนบกในบริเวณใกล้เคียงเช่นกัน ก่อนหน้านี้ ทีมค้นหาและกู้ภัยได้วิเคราะห์เศษชิ้นส่วนและคราบน้ำมันที่พบในทะเลแล้ว พวกเขายืนยันว่าไม่ใช่ชิ้นส่วนและน้ำมันของเที่ยวบิน MH370

แถลงการณ์ ระบุด้วยว่า เครื่องบินโบอิ้ง B777-200 ที่ปฏิบัติการเที่ยวบิน MH370 เคยเข้ารับการตรวจสภาพ 10 วัน เริ่มบินอีกครั้งในวันที่ 6 มี.ค. 2014 และกำหนดการตรวจสภาพครั้งต่อไป วันที่ 19 มิ.ย. 2014 การตรวจสอบสภาพเครื่องบินเกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติ กัวลาลัมเปอร์ และไม่พบความผิดปกติใดๆ

โบอิ้ง B777-200 ลำนี้ถูกส่งมอบให้แก่มาเลเซีย แอร์ไลน์ส ในปี 2002 และตั้งแต่นั้นมันผ่านการบินมาแล้ว 53,465.21 ชั่วโมง ทั้งหมด 7,525 เที่ยวบิน เครื่องบินของมาเลเซีย แอร์ไลน์สทุกลำติดตั้งระบบติดตามข้อมูลที่เรียกว่าระบบ 'Aircraft Communications Addressing and Reporting System' (ACARS) ซึ่งจะส่งข้อมูลสื่อสารมายังศูนย์การบินภาคพื้นโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีการส่งข้อมูลมาแต่อย่างใด

รองเท้าผ้าใบ

วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557

เชิญอัฐิ 'สมเด็จเกี่ยว' กลับวัดสระเกศฯ


ศิษยานุศิษย์ร่วมขบวนเชิญอัฐิสมเด็จเกี่ยวกลับวัดสระเกศฯ หลังจากมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวง หน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส...
เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. วันที่ 10 มี.ค. มีรายงานว่า มีพิธีเก็บและเชิญอัฐิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) หรือสมเด็จเกี่ยว อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และอดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กลับไปยังวัดสระเกศฯ หลังจากเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ แทนพระองค์ในการพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวง หน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส
ทั้งนี้ พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 3 รูป พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล และรับพระราชทานภัตตาหารสามหาบในการเก็บอัฐิ จากนั้นเวลา 08.00 น. เชิญอัฐิสมเด็จพระพุฒาจารย์กลับยังวัดสระเกศฯ โดยขบวนใช้เส้นทางถนนหลวง ผ่านห้าแยกพลับพลาไชย แยกโรงพยาบาลกลาง เลี้ยวขวาสี่แยกวรจักร เคลื่อนขบวนไปตามถนนวรจักร ผ่านสี่แยกแม้นศรีก่อนเลี้ยวซ้ายเข้าสู่วัดสระเกศฯ โดยมีศิษยานุศิษย์ร่วมขบวน

รองเท้าผ้าใบ

รถสปอร์ตตกคูน้ำ 'ลัมโบกินี'สีขาว ราคากว่า 20 ล้าน



เกิดเหตุซุปเปอร์คาร์หรูยี่ห้อลัมโบกินีสีขาว ราคาคันละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ตกคูน้ำริม ถ.ศรีนครินทร์ เขตเมืองสมุทรปราการ เคลื่อนย้ายออกจากจุดเกิดเหตุแล้ว...
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. มีรายงานว่า ช่วงเช้าเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งสปอร์ตลัมโบกินีสีขาว เสียหลักตกลงไปในคูน้ำ ความลึกประมาณครึ่งเมตร ริม ถ.ศรีนครินทร์ เขต อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ช่วงร้านชื่อชะบาหมูกระทะ ทำให้ด้านหน้ารถได้รับความเสียหาย จากนั้นมีการถอดป้ายทะเบียนรถออก และนำวัสดุบางอย่างมาปิดโลโก้ของรถ
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 08.15 น. มีการนำรถยกมาเคลื่อนย้ายรถเก๋งสปอร์ตคันดังกล่าวออกจากจุดเกิดเหตุแล้ว ส่วนสาเหตุนั้น ยังไม่ได้รับการเปิดเผยจากผู้ขับขี่แต่อย่างใด

รองเท้าผ้าใบ

Pray for MH370



มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า การบินในภูมิภาคเอเชียถูกจัดให้เป็นภูมิภาคการบินที่ปลอดภัยมากที่สุดแห่ง หนึ่งของโลก เวลาผ่านพ้นไปกว่า 48 ชั่วโมงกับเหตุการณ์เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ทำให้มีการพูดถึงมาตรฐานความปลอดภัยของการบินในภูมิภาคเอเชียกันอีกครั้ง

ผม มองย้อนกลับไปโดยเฉพาะโศกนาฎกรรมใหญ่ๆที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินตก เชื่อมั้ยครับว่า แทบไม่มีใครลืมเดือนกันยายน ปี 2540 ได้ เพราะได้เกิดโศกนาฏกรรมกับเครื่องบินแอร์บัส A300 ของสายการบินการูด้า อินโดนีเซียตก มีผู้โดยสารเสียชีวิต 234 คน ถัดมาในเดือนพฤศจิกายนในปีเดียวกัน เครื่องบินโบอิ้ง 737-300 ที่ใช้งานเพียง 10 เดือนของสายการบิน ซิลค์แอร์ ประเทศสิงคโปร์ มีอันต้องเกิดอุบัติเหตุตกใกล้กับเมืองปาเลมบัง ในประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ผู้โดยสารเสียชีวิต 104 คน และในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านไป เครื่องบินเล็กขนาด 2 ใบพัดที่เรียกว่าเครื่อง ATR ของสายการบินลาว ได้เกิดอุบัติเหตุตกกลางแม่น้ำโขงก่อนจะถึงจุดหมายปลายทางที่เมืองปากเซ มีผู้โดยสารเสียชีวิต 49 คน รวมคนไทยจำนวนหนึ่ง

ผมลองหันมาดูด้าน มาตรฐานความปลอดภัยของสายการบินสัญชาติเอเชีย ซึ่งก็กลายเป็นประเด็นพูดคุยขึ้นมาอีกครั้ง นับเป็นอันที่รู้กันดีว่า สายการบินอินเดีย และประเทศที่ใกล้เคียงกัน เช่น เนปาล ได้ถูกลดอันดับความปลอดภัยของสายการบินโดยหน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐ หรือ US FAA ไปเมื่อช่วงต้นปีนี้ที่เพิ่งผ่านไป นอกจากนี้ สายการบินสัญชาติอินโดนีเซียหลายแห่ง ยังคงอยู่ในรายชื่อเฝ้าจับตาด้านความปลอดภัยของกลุ่มสหภาพยุโรปจนถึงทุก วันนี้ หากดูจากสถิติโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญ หรือครั้งใหญ่ๆของสายการบินในช่วงมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมา จะพบชัดเจนว่า สายการบินสัญชาติเอเชียติด 3 อันดับในทั้งหมด 12 อันดับ เริ่มจาก สายการบินสัญชาติอินเดีย ติดดันดับ 7 ตามมาด้วยสายการบินสัญชาติปากีสถาน อยู่อันดับ 10 และสายการบินสัญชาติอินโดนีเซียติดอันดับ 12 

จริง อยู่ว่า สายการบินที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ย่อมต้องมีเครื่องบินที่มีคุณภาพด้านความปลอดภัยสูงด้วย จากเหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ขาดการติดต่อกระทันหันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านไป อาจมองได้ว่า เป็นสถิติเครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิตเพียง 1 ครั้งในทุกๆ 200 ล้านเที่ยวบิน โดย บริษัท โบอิ้ง อินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งผู้ผลิตเครื่องบินชั้นนำจากสหรัฐ ย้ำอย่างมั่นใจว่า มาตรฐานความปลอดภัยของเครื่องบินได้รับการปรับปรุงอย่างรวดเร็วมาก ดูได้จากสถิติดังกล่าวในช่วงยุคทศวรรษปี 1950 และ ปี 1960 มักจะเกิดโศกนาฏกรรมทางเครื่องบินถึงแก่ชีวิตมีจำนวน 1 ครั้งในทุกๆ 2 แสนเที่ยวบิน พูดให้เข้าใจง่ายๆ โอกาสเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตมีสูงมากในอดีต

ผมลองมองไป อีก 20 ปีข้างหน้า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งเชื่อมระหว่างเอเชียไปถึงทวีปอเมริกา กำลังจะกลายเป็นภูมิภาคการบินครึ่งหนึ่งของการขยายตัวปริมาณการจราจรทาง อากาศทั่วโลก นั่นหมายความว่า เอเชียแปซิฟิกมีความต้องการซื้อเครื่องบินใหม่มากถึง 12,820 ลำ ทำให้ต้องใช้เงินกว่า 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 62,700 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตามครับ ไม่ว่าความต้องการใช้เครื่องบินจะเติบโตสูงมากมายแค่ไหน? เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะขยายตัวสูงอีกเท่าไหร่? หัวใจของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเชีย และอื่นๆทั่วโลก ล้วนอยู่ที่การลงจอดที่ปลอดภัยของทั้งผู้โดยสาร และลูกเรือทุกคนในลำเดียวกันเท่านั้นเองครับ


รองเท้าผ้าใบ

วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

'มาเลเซียแอร์ฯ'แถลงล่าสุด ยังไม่พบโบอิ้ง777ที่หายไป



แถลงการณ์ฉบับล่าสุดในเช้าวันนี้ของสายการบิน ''มาเลเซีย แอร์ไลน์ส'' ระบุยังไม่พบเครื่องบินโบอิ้ง 777 ที่หายไป ท่ามกลางรายงานข่าวว่า พบคราบน้ำมันในทะเลใกล้กับอ่าวไทย...
สายการบิน ''มาเลเซีย แอร์ไลน์ส'' มีแถลงการณ์ฉบับล่าสุดผ่านเว็บไซต์ของสายการบินในวันนี้ เมื่อเวลา 9:30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ระบุว่า "ผ่านมาแล้วกว่า 24 ชั่วโมง หลังจากขาดการติดต่อกับเที่ยวบิน ''MH370'' ทีมค้นหาและกู้ภัยก็ยังไม่สามารถระบุที่อยู่ของเครื่องบินที่หายไปได้ ทางสายการบินกำลังพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้การช่วยเหลือครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงความช่วยเหลือในด้านการเงินโดยทันที
"ทางสายการบินได้ส่งทีม ผู้ดูแล 94 นาย ซึ่งผ่านการฝึกมาอย่างดี รวมถึงสมาชิกของมูลนิธิ 'ฉือจี้' ไป กรุงปักกิ่ง เพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านจิตใจแก่ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบแล้ว และทางสายการบินจะส่งเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลอีกกลุ่มไปยังกรุงปักกิ่งในวันนี้
"เมื่อ คืนที่ผ่านมา ทีมผู้จัดการระดับอาวุโสของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เดินทางถึงกรุงปักกิ่ง เพื่อให้ข่าวแก่ผู้สื่อข่าว รวมถึงพบครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับครอบครัวที่อยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ขณะเดียวกัน มาเลเซีย แอร์ไลน์ส เตรียมจะจัดตั้งศูนย์ควบคุมขึ้นมาที่เมืองโกตาบารู ในมาเลเซีย หรือที่นครโฮจิมินห์ ในเวียดนามทันทีที่พบเครื่องบินที่หายไป และทางสายการบินจะจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็น
"สายการบินยังคงทำงานร่วม กับเจ้าหน้าที่ทางการอย่างต่อเนื่องในด้านการให้การสนับสนุน และด้วยเกรงว่าสถานการณ์จะออกมาในรูปแบบที่เลวร้ายที่สุด ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการจัดการฟื้นฟูภัยพิบัติ จากเมืองแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา จะเข้ามาช่วยเหลือ มาเลเซีย แอร์ไลน์ส ในช่วงเวลาอันโหดร้ายนี้"
ในแถลงการณ์ฉบับก่อนหน้านี้ของ มาเลเซีย แอร์ไลน์ส เมื่อเวลาประมาณ 2:00 น. ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) ระบุว่า ทีมกู้ภัยและค้นหาจากประเทศมาเลเซีย, สิงคโปร์ และเวียดนาม ประสบความล้มเหลวในการหาหลักฐานหรือซากเครื่องบินใดๆ โดยภารกิจค้นหาทางทะเลจะดำเนินไปตลอดคืน ส่วนภารกิจค้นหาทางอากาศจะเริ่มต้นอีกครั้งในช่วงกลางวัน

อนึ่ง เที่ยวบิน MH370 ซึ่งปฏิบัติการโดยเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ER พร้อมผู้โดยสาร 227 คน และลูกเรืออีก 12 คน ขาดการติดต่อในเวลา 2:40 น. วันเสาร์ หลังเดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อเวลา 0:41 น.วันเดียวกัน เครื่องบินลำนี้หายไปจากจอเรดาร์ที่ 6.5515 องศาเหนือ และ 103.3443 องศาตะวันออก
ผู้โดยสารทั้งหมด 227 คนที่อยู่บนเครื่อง เป็นชาวจีน 154 คน รวมทารก 1 คน, ชาวมาเลเซีย 38 คน, ชาวอินเดีย 5 คน, ชาวอินโดนีเซีย 7 คน, ชาวออสเตรเลีย 6 คน, ชาวฝรั่งเศส 4 คน ชาวอเมริกัน 3 คนรวมทารก 1 คน, ชาวนิวซีแลนด์ ยูเครน กับแคนาดาชาติละ 2 คน, ชาวรัสเซีย อิตาลี เนเธอร์แลนด์กับออสเตรีย ชาติละ 1 คน
อีกด้านหนึ่ง สื่อหลายสำนักรายงานว่า เครื่องบินกู้ภัยของเวียดนามพบเห็นคราบน้ำมันขนาดใหญ่ 2 รอยในทะเลระหว่างมาเลเซียและเวียดนามใกล้อ่าวไทย ซึ่งแต่ละรอยมีความยาวกว่า 15 กิโลเมตร รวมถึงเห็นกลุ่มควันจากนอกชายฝั่งของเวียดนามด้วย โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมแห่งเวียดนามกล่าวว่า ได้ส่งเรือไปตรวจสอบแล้ว เพื่อหาว่าหลักฐานทั้งสองอย่างนี้เชื่อมโยงกับเครื่องบินที่หายไปหรือไม่
อย่าง ไรก็ตาม นายดาโต๊ะ อาซาฮารุดิน อับดุลเราะห์มาน ผู้อำนวยการทั่วไปของกรมการบินพลเรือนมาเลเซีย บอกต่อผู้สื่อข่าวในงานแถลงข่าวที่ท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์เมื่อ ช่วงที่ผ่านมาว่า เขาไม่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่เวียดนาม ว่ามีการพบคราบน้ำมันยาวนับสิบ กม. ในทะเลระหว่างมาเลเซียและเวียดนามเลย
ทั้ง นี้ สาเหตุที่ทำให้เครื่องบินโบอิ้ง 777 ขาดการติดต่อและหายไปอย่างไร้ร่องรอยยังคงเป็นปริศนา เนื่องจากไม่มีทั้งรายงานสภาพอากาศเลวร้ายในวันเกิดเหตุ และไม่มีการแจ้งว่าเกิดปัญหาขัดข้องกับตัวเครื่องแต่อย่างใด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างมาก ที่ขาดการติดต่อกับเครื่องบินลำหนึ่งอย่างกะทันหัน

รองเท้าผ้าใบ

'สวนดุสิตโพล' เผยผลสำรวจ 68.06% ถึงเวลาหาคนกลางไกล่เกลี่ย


"สวนดุสิตโพล" เผย ปชช. 49.81% ร้องหาคนกลางเจรจาการเมือง 68.06% ถึงเวลาหาคนกลางไกล่เกลี่ย 44.81% คนกลางเป็นที่ยอมรับทุกฝ่าย และมีคุณธรรม...
วันที่ 9 มี.ค.57 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจประชาชนคิดอย่างไร? กับกระแสข่าวหาคนกลางที่จะมาดำเนินการพูดคุยไกล่เกลี่ยให้สถานการณ์บ้าน เมืองดีขึ้น โดยได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,404 คน ระหว่างวันที่ 6-8 มีนาคม 2557 สรุปผลได้ ดังนี้
1. จากกระแสข่าวที่มีการพูดคุยกันระหว่างนายกฯ ยิ่งลักษณ์ กับ ผบ.เหล่าทัพต่างๆ และมีการเรียกร้องให้หาคนกลางที่จะมาดำเนินการพูดคุยไกล่เกลี่ยให้สถานการณ์ บ้านเมืองดีขึ้น ประชาชนมีความคิดเห็นอย่างไร? อันดับ 1 เป็นเรื่องที่ดี การหาคนกลางมาเจรจาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด สถานการณ์ต่างๆ คงจะดีขึ้น 49.81% อันดับ 2 อยากให้คนกลางที่จะเข้ามาดำเนินการทำหน้าที่สำเร็จ และทุกฝ่ายพอใจ เต็มใจที่จะทำตาม 27.17% อันดับ 3 กลัวว่าจะหาคนกลางไม่ได้ หรือถ้ามีคนกลางจริงก็ไม่แน่ใจว่าจะเจรจาได้สำเร็จ 23.02%
2. จากสถานการณ์บ้านเมือง ณ ขณะนี้ ประชาชนคิดว่าถึงเวลาหรือยัง? ที่ควรจะหาคนกลางเข้ามาดำเนินการ อันดับ 1 ถึงเวลาแล้ว เพราะประเทศชาติและประชาชนได้รับผลกระทบมามากพอแล้ว เป็นเหตุการณ์ที่ยืดเยื้อมานาน ไม่อยากให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุข ทุกคนช่วยกันพัฒนาประเทศ ฯลฯ 68.06% อันดับ 2 ไม่แน่ใจ เพราะควรประเมินสถานการณ์ให้ละเอียดรอบคอบ อาจเป็นเพียงกระแสในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ฯลฯ 24.72% อันดับ 3 ยังไม่ถึงเวลา เพราะอยากให้ทั้ง 2 ฝ่าย เจรจากันเองมากกว่า การที่จะหาคนกลางเข้ามาทำหน้าที่นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และคงต้องใช้เวลาในการหาพอสมควร ฯลฯ 7.22%
3. “บทบาท หน้าที่” ของผู้ที่จะมาเป็น “คนกลาง” ควรเป็นอย่างไร? อันดับ 1 เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เป็นที่รู้จัก ประวัติดี มีคุณธรรม 44.81% อันดับ 2 ฉลาด มีไหวพริบ เข้าใจพูด พูดเป็น ไม่บิดเบือนข้อมูล 32.05% อันดับ 3 ทำหน้าที่ให้เต็มที่ ทำเพื่อส่วนรวม ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ 23.14%
4. ใครหรือหน่วยงานใด? ที่ประชาชนเห็นว่าเหมาะสมที่จะเข้ามาเป็น “คนกลาง” ในครั้งนี้ อันดับ 1 กลุ่มองค์กรหรือหน่วยงานที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง 41.47% อันดับ 2 กองทัพ 27.13% อันดับ 3 ศาลฎีกา 23.64% *อื่นๆ เช่น คณะองคมนตรี ตัวแทนภาคประชาชน หน่วยงานเอกชน องค์กรต่างประเทศ ฯลฯ 7.76%
5. ถ้ามี “คนกลาง” แล้ว ประชาชนคิดว่าการเมืองท่ามกลางความขัดแย้งที่มีอยู่ ณ วันนี้ จะเป็นอย่างไร? อันดับ 1 ขัดแย้งน้อยลง เพราะได้พูดคุยและเข้าใจกันมากขึ้น รู้ถึงเหตุผล มุมมอง และความต้องการของแต่ละฝ่าย สถานการณ์ต่างๆ น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ฯลฯ 49.17% อันดับ 2 ขัดแย้งเหมือนเดิม เพราะการเมืองไทยเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อและสั่งสมมานาน ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน มีหลายเรื่องที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ฯลฯ 41.39% อันดับ 3 ขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น เพราะยังไม่รู้ว่าคนกลางจะเจรจาได้สำเร็จหรือไม่ กลุ่มที่สนับสนุนของแต่ละฝ่ายอาจไม่เห็นด้วยกับการเจรจา ฯลฯ 9.44%
6. ประชาชนคิดว่าการที่จะตั้ง “คนกลาง” เพื่อทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น น่าจะมี “ปัญหาอุปสรรค” อะไรบ้าง? อันดับ 1 หาคนกลางที่เหมาะสมหรือมีคุณสมบัติตามที่ต้องการไม่ได้ หรือไม่มีใครอยากทำหน้าที่เป็นคนกลาง 39.27% อันดับ 2 คนกลางที่หาได้อาจไม่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย เกิดการต่อต้าน คัดค้าน 35.59% อันดับ 3 การทำหน้าที่ของคนกลางอาจถูกแทรกแซง ข่มขู่ ได้รับความกดดันหรือสังคมคาดหวังมากเกินไป 25.14%
7. “ข้อเสนอแนะ” ต่อ “คนกลาง หรือ หน่วยงาน” ที่จะมาดำเนินการในครั้งนี้ อันดับ 1 ต้องอดทน มีสติ เข้าใจต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่จะต้องเผชิญทั้งในเรื่องของการข่มขู่ หรือความไม่ปลอดภัย 42.78% อันดับ 2 ทำหน้าที่อย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา แจ้งความคืบหน้าให้สังคมทราบเป็นระยะๆ 29.38% อันดับ 3 ควรกำหนดกรอบกติกาในการเจรจาหรือประเด็นที่จะพูดคุยให้ชัดเจน พร้อมรับฟังความต้องการทั้ง 2 ฝ่าย 27.84%

รองเท้าผ้าใบ

ดาราเลือกข้างการเมือง...กระทบทั้งงานและชีวิตส่วนตัว


รวบรวมเหตุการณ์ที่เหล่าดาราที่ได้รับผลกระทบจากการแสดงออกทางการเมือง นำโดย อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์, แตงโม-ภัทรธิดา, โตโน่-ภาคิน, โจ-จิรายุส, เจ-เจตริน, อ๊อฟ-ปองศักดิ์, ตั๊ก-บงกช ฯลฯ...
เรียกว่าเป็นผลกระทบ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับกรณี "การเลือกข้างการเมือง" ของเหล่าศิลปินดารา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกยืนข้างใดก็แล้วแต่ ก็ล้วนแล้วแต่ต้องถูกแอนตี้จากคนที่คิดต่างทางการเมืองซะทุกทีไป ลำพังแค่ต้องมารับมือกับกระแสในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ดูน่าเครียดพออยู่ แล้ว ยังไม่พอต้องมารับมือกับการแอนตี้จากกลุ่มคิดต่างตามสถานที่ต่างๆ ที่คนบันเทิงต้องไปร่วมงานจนต้องยกเลิกงานดังกล่าวไปด้วย แถมบางคนยังเจอคุกคามลามไปถึงชีวิตส่วนตัวกันเลยทีเดียว "ทีมข่าวบันเทิง ไทยรัฐออนไลน์" เลยรวบรวมกรณีคนดังทั้งหลายที่ออกตัวทางการเมืองชัดเจนจนเจอผลกระทบกับงานไป แบบเต็มๆ มาฝากกัน

เริ่ม ที่นักร้องนักแสดงผู้กำกับดัง อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ที่มีคิวต้องไปแสดงคอนเสิร์ตที่โรงแรมไหมไทย จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา แต่แล้วคอนเสิร์ตก็ต้องถูกยกเลิกไปแบบไม่มีกำหนด เพราะทางโรงแรมหวั่นเกิดเหตุการณ์วุ่นวายจากกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาต่อต้าน เนื่องจากเจ้าตัวไปขึ้นเวทีชุมนุมของ กปปส. ภายใต้การนำของ สุเทพ เทือกสุบรรณ อยู่บ่อยครั้ง แต่ทางโรงแรมยืนยันว่าถ้าเหตุการณ์บ้านเมืองสงบลงเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะจัดคอนเสิร์ตของนักร้องร็อกรุ่นเก๋าอีกครั้งแน่นอน



ด้าน นักร้องหนุ่มหนี่งในสมาชิกวงนูโว โจ-จิรายุส วรรธนะสิน ก็ได้รับผลกระทบจากการออกตัวทางการเมืองเช่นกัน โดยเมื่อหนุ่มโจมีคิวไปร้องเพลงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.นครพนม เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงได้พากันรวมตัวกดดันเจ้าของร้านจนต้องยกเลิก คอนเสิร์ตดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่ารับไม่ได้ที่หนุ่มโจเปิดหมวกร้องเพลงที่ศูนย์การค้าสยาม ดิสคัฟเวอรี่ เพื่อหาเงินช่วยผู้บาดเจ็บจากการชุมนุมให้กับกลุ่ม กปปส. งานนี้ร้อนถึงน้องชายอย่างเจ้าพ่อเพลงแร็พ เจ-เจตริน วรรธนะสิน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กย้อนถามกลุ่มคนเสื้อแดงว่า "เป่านกหวีดใส่เรียกว่าคุกคาม แล้วปิดผับบาร์ร้านค้าอ้างคนทั้งจังหวัดไม่ให้ดาราขึ้น เค้าเรียกว่า ?" ซึ่งฝั่งหนุ่มเจเองก็ได้รับผลกระทบจากคนคิดต่างทางการเมืองเหมือนหนุ่มโจ โดยเจ้าตัวมีคิวต้องไปเล่นคอนเสิร์ตที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น ในวันที่ 15 มี.ค. 2557 ที่จะถึงนี้ แต่สุดท้ายร้านอาหารดังกล่าวต้องประกาศยกเลิกงานแสดงคอนเสิร์ตกะทันหัน เพราะเกรงว่าจะไปกระทบกับเรื่องการเมืองและจะทำให้ร้านได้รับผลกระทบไป


ร็อก รุ่นเก๋าอีกคน เสก โลโซ ก็ไม่พ้นถูกพิษการเมืองเล่นงานเหมือนกัน โดยเมื่อครั้งที่นักร้องดังมีคิวต้องไปเล่นคอนเสิร์ตงานกาชาดที่ จ.ภูเก็ต เมื่อต้นเดือน ม.ค. 2557 ที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มคนที่สนับสนุน กปปส. ออกมาต่อต้านนักร้องดัง หลังเจ้าตัวมักโพสต์ข้อความสนับสนุนการเลือกตั้งและพูดพาดพิงถึงผู้ชุมนุม ที่เวทีราชดำเนิน สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเสก โลโซ ก็ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว SEK LOSO ว่า "ผู้ว่าฯ ขอความร่วมมือมาว่าขอให้เลื่อนคอนเสิร์ตที่ภูเก็ตไปก่อน เฮียมาให้ความสุขไม่ได้คิดจะมาเอาชนะคะคานอะไร สบายๆ น้องๆ เดี๋ยวมาเล่นให้ดูโอกาสหน้านะ"


ส่วน นักร้องนักแสดงดังขวัญใจชาวสีม่วง อ๊อฟ-ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ ที่เคยออกมาแสดงตัวชัดเจนทางการเมือง และเดินร่วมรับเงินบริจาคให้กับกลุ่ม กปปส. ก็ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงต่อต้านชัดเจน เพราะเมื่อครั้งที่เจ้าตัวมีคิวไปเล่นคอนเสิร์ต์ที่ร้านอาหารดังใน จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2557 ที่ผ่านมา กลุ่มคนเสื้อแดง จ.เชียงใหม่ นำโดย น.ส.กัญญาภัค มณีจักร หรือ ดีเจอ้อม พร้อมกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 10-12 คน เข้าไปที่ร้านอาหารดังกล่าวเพื่อแสดงตัวต่อต้านหนุ่มอ๊อฟ ทั้งที่ทางร้านได้ประกาศยกเลิกคอนเสิร์ตไปแล้ว จนกระทั่งแน่ใจว่านักร้องดังไม่มาที่ร้านแน่นอนแล้วจึงสลายตัวไป ซึ่งก่อนหน้านี้ดีเจอ้อมและกลุ่มคนเสื้อแดงเคยรวมตัวกันขับไล่นักร้องวงมาลี ฮวนน่า วงดนตรีเพื่อชีวิตชื่อดัง ไม่ให้แสดงคอนเสิร์ตที่ร้านมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อ๊อฟ-ปองศักดิ์ ก็ได้โพสต์ภาพตัวเองใส่สูทสีครีม พร้อมทั้งเขียนบรรยายใต้ภาพว่า "ทำทุกอย่างให้เป็นปกติ ยิ้มสู้ แม้ลึกๆ จะมีความกลัวอยู่ 5555555 ท่านชายมากมายชุดนี้"  รวมทั้งโพสต์ภาพนอนปิดตาข้างหนึ่ง พร้อมบรรยายใต้ภาพว่า "เดี๋ยวก็ดีแหละมั้ง" ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว


นาง เอกเซ็กซี่ที่ตอนนี้เป็นคุณแม่ลูกอ่อน ตั๊ก-บงกช เบญจรงคกุล ซึ่งออกตัวทางการเมืองแรงอยู่หลายครั้ง ทั้งกรณีโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งของ นายอำพล ตั้งนพคุณ หรือ อากง เอสเอ็มเอสกลุ่มคนเสื้อแดง รวมถึงกรณีโพสต์ข้อความถึงเรื่องพฤติกรรมต่างๆ ของกลุ่มคนเสื้อแดง ก่อนจะบอกว่าคนกลุ่มนี้น่าจะหายไปจากประเทศได้แล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2555 ที่ผ่านมา นางเอกสาวได้เดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์ที่พัทยา จ.ชลบุรี กลุ่มคนเสื้อแดงในเมืองพัทยาทั้งชายและหญิงจำนวนกว่า 30 คน ได้มารวมตัวกันเพื่อขับไล่ ทำให้สาวตั๊กและทีมงานต้องรีบขับรถหลบหนีจากบริเวณดังกล่าวทันที ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ส่วนตัวยอมรับได้เพราะถือเป็นสิทธิในการแสดงความคิดเห็น และคงไม่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่ก่อเหตุแต่อย่างใด โดยหลังเกิดเหตุดังกล่าวเจ้าตัวและทีมงานกลับไปถ่ายทำภาพยนตร์อีกครั้ง และประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้นำกำลังตำรวจมาคุ้มกันกองถ่ายเพื่อ ให้สามารถทำงานได้ นอกจากนี้สาวตั๊กยังเคยโพสต์ข้อความในอินสตาแกรมว่ามีคนยิงปืนเข้ามาในอาคาร จัตุรัสจามจุรี ชั้น 33 ซึ่งเป็นพื้นที่ของ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) แต่แล้วทางดีแทคก็ได้ออกแถลงการณ์ว่าเป็นแค่ความเข้าใจคลาดเคลื่อน เท่านั้น


โบ วี่-อัฐมา ชีวนิชพันธ์ ดาราสาวเซ็กซี่ที่ไปร่วมชุมนุมเวที กปปส. หลายครั้งและลงภาพในอินสตาแกรมส่วนตัวอย่างต่อเนื่อง ก็ถูกพิษการเมืองเล่นงานเหมือนกัน หลังมีภาพแคปเจอร์ข้อความไลน์ส่วนตัวของเธอหลุดออกมาว่า "ลูกค้า...ที่กำลังจะว่าจ้างงานโบ ให้เอเยนซี่โทรมาขอให้ลบรูปทางการเมืองที่โบโพสต์ในไอจีตัวเองออก...ไม่ได้ ปิดแค่สื่อฟรีทีวี ใช้อำนาจปิดสื่อส่วนตัวของนักแสดงด้วย" จนกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล ซึ่งสาวโบวี่หลังได้รับการติดต่อมาเช่นนั้นจึงตัดสินใจยกเลิกงานดังกล่าว เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย


ด้าน คู่รักดัง แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ และ โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ที่ออกตัวทางการเมืองแรงไม่แพ้ใครก็ได้รับผลกระทบจากการเมืองเช่นกัน โดยฝ่ายแตงโมนั้นเคยถูกมือดีสาดน้ำกรดรถที่จอดไว้ในบ้านของตัวเองเมื่อช่วง ดึกของวันที่ 19 พ.ย. 2556 ที่ผ่านมา แต่นางเอกผลไม้ก็ยืนยันว่าไม่รู้สึกกลัวและยังยืนยันที่จะแสดงตัวทางการ เมืองแบบชัดเจนต่อไป แถมล่าสุดเจ้าตัวก็มีประเด็นร้อนโต้ตอบผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กกับไผ่ วันพอยท์ ที่เลือกข้างการเมืองตรงกันข้ามกับสาวแตงโมด้วย  ส่วนโตโน่นั้นเจอทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงทวิตเตอร์ขู่ว่าห้ามมาเหยียบที่ จ.อุดรธานี แถมเมื่อครั้งต้องไปเล่นคอนเสิร์ตที่ห้างดังแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ก็ต้องยกเลิกงานนั้นไปเพราะว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์แฝงตัวพกอาวุธเข้ามาในห้างจน หวั่นว่าจะเกิดเหตุร้ายในงานดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่คิดต่อว่ากลุ่มคนที่คิดต่างกันเพราะต่างก็เป็นคนไทย เหมือนกัน และขอโทษแฟนเพลงที่มารอด้วย


2 แฝดหนุ่มตี๋ ฝันดี-ฝันเด่น จรรยาธนากร ก็เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองเช่นกัน หลังมีกลุ่มประชาชนชมรมคนรักฝาง แม่อาย ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ จำนวน 50 คน ได้มายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายอำเภอฝางเพื่อต่อต้านกรณีที่บริษัทแห่ง หนึ่งได้เชิญ ฝันดี-ฝันเด่น มาแสดงในงานของบริษัทในวันที่ 8 มี.ค. 2557 เพราะทั้งคู่เคยไปร่วมชุมนุมเวที กปปส. มาแล้ว จึงขอให้หลีกเลี่ยงการพาศิลปินดารากลุ่มดังกล่าวมาในงานเพื่อไม่ให้เกิดความ วุ่นวาย ทำให้ทางบริษัทดังกล่าวต้องยกเลิกงานของทั้งคู่ไปตามคาด

จาก เหตุการณ์ที่คนบันเทิงได้รับผลกระทบจากการเลือกข้างการเมืองนี้เป็นเพียง ส่วนหนึ่งที่หยิบยกมาเท่านั้น ซึ่งการแสดงออกทางการเมืองถือว่าเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลที่ทุกคนควรเคารพ สิทธิของกันและกัน เพราะถึงแม้ทุกคนอาจมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันแต่ไม่จำเป็นต้องแตกแยก ทั้งนี้การแสดงความคิดเห็นควรเป็นไปในทางที่ถูกต้องและไม่โจมตีอีกฝ่ายจนได้ รับความเสียหาย "ทีมข่าวบันเทิง ไทยรัฐออนไลน์" หวังว่าเหตุการณ์บ้านเมืองของไทยจะสงบสุขในเร็ววัน แต่การที่สังคมไทยจะสงบสุขได้ก็ต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกคนในชาติ ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งเช่นกัน.

รองเท้าผ้าใบ

วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

ลิเบียฟื้นราชวงศ์'อิดริส' หลัง'กัดดาฟี'พบจุดจบ


รัฐบาลลิเบียออกกฤษฎีกา คืนสัญชาติ-ทรัพย์สิน ให้ราชวงศ์ของอดีตกษัตริย์'อิดริส อัล-เซนุสซี' ซึ่งถูกอดีตผู้นำจอมเผด็จการ'กัดดาฟี' โค่นราชบัลลังค์ หลังกัดดาฟีหมดอำนาจ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวัน ที่ 4 มี.ค. ว่า รัฐบาลลิเบียออกกฤษฎีกาคืนสิทธิ์ต่างๆ ให้ราชวงศ์ของอดีตกษัตริย์อิดริส อัล-เซนุสซี ซึ่งถูก พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำจอมเผด็จการ โค่นราชบัลลังค์เมื่อ 55 ปีก่อน โดยพระทายาทของพระองค์จะได้รับสัญชาติลิเบียและทรัพย์สินท่ี่ถูกยึดไปทั้ง หมดคืน

ทั้งนี้ กฤษฎีกานี้มีขึ้นหลังกัดดาฟีซึ่งกุมอำนาจมาถึง 40 ปี ถูกโค่นล้มและถูกสังหารในช่วงการปฏิวัติดอกมะลิ หรือ “อาหรับ สปริง” ในพ.ศ. 2554 โดยกษัตริย์อิดริสขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ.2494 หลังลิเบียได้รับเอกราชเป็นชาติแรกในแอฟริกาเหนือ ต่อมาถูกกัดดาฟีก่อรัฐประหารโค่นราชบัลลังค์ในพ.ศ. 2502 และสมาชิกราชวงศ์ถูกกักบริเวณในที่พัก ถูกริบสัญชาติ ทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ ก่อนถูกเนรเทศออกนอกประเทศ โดยกษัตริย์อิดริสทรงลี้ภัยไปกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในพ.ศ. 2525 ขณะมีพระชนม์ 94 พรรษา ส่วนสมาชิกราชวงศ์ที่เหลือลี้ภัยไปประเทศอังกฤษ รวมทั้งเจ้าชายโมฮัมหมัด อัล-เซนุสซี พระราชปนัดดาซึ่งมีฐานะเป็นรัชทายาทด้วย.

รองเท้าผ้าใบ

คดีขุมทอง300ล้านมะกันหาที่มาวุ่น สงสัยของโจร



คดีสองผัวเมียมะกัน ขุดเจอเหรียญทองคำปริศนา 300 กว่าล้านบาท ชักจะวุ่น สื่อชี้เป็นของโจร ปล้นมาจากโรงกษาปณ์ซานฟรานซิสโก บ้างก็บอกเป็นของแก๊งใช้เป็นทุนต่อสู้สงครามกลางเมือง และของจอมโจรรถม้า...

เมื่อ 5 มี.ค. สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพี รายงานว่า หลังสัปดาห์ที่แล้ว สามีภรรยาคู่หนึ่งขุดพบเหรียญทองคำกว่า 1,400 เหรียญ ในท่ี่ดินของตนในเมืองแซดเดิล ริดจ์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ มูลค่ากว่า 10 ล้านดอลลาร์ ( ราว 320 ล้านบาท) ก็มีข้อสงสัยว่าทองคำมาจากไหน โดย นสพ.ซานฟรานซิสโก โครนิเคิล ชี้ว่า โจรชื่อวอลเทอร์ ดิมมิค ปล้นมาจากโรงกษาปณ์ในนครซานฟรานซิสโกใน ค.ศ.1901 และบางทฤษฎีชี้ว่า แก๊งโจรเจสซี่ เจมส์ ฝังทองคำไว้ เพื่อใช้เป็นทุนต่อสู้สงครามกลางเมืองสหรัฐฯ ครั้งท่ี่ 2 บ้างก็ว่าเป็นของจอมโจรรถม้า "แบล็ค บาร์ท"

ขณะที่โฆษกโรงกษาปณ์ซาน ฟรานซิสโก กลับเผยว่า รัฐบาลวิจัยแล้ว ไม่พบความเกี่ยวข้องกับโรงกษาปณ์ อย่างไรก็ตาม ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นทองคำที่ถูกปล้นมาจากที่ใดจริง ผัวเมียคู่นี้อาจต้องส่งคืนให้รัฐบาล.

รองเท้าผ้าใบ

19 ข้อ!! ป้องกันภัย ไม่พลาดท่าโดน 'ข่มขืน'


'ข่มขืน' เมื่อได้ยินคำนี้ทีไร ก็ต้องทำให้จิตใจหดหู่ขึ้นมาทันที ยิ่งในสังคมปัจจุบันด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึงเลย เรียกได้ว่ามีคดีข่มขืนรายวันเลยทีเดียว ล่าสุดที่เป็นข่าวครึกโครม ในกรณี ดาราสาว 'พรีม กัญณภัทร วรบวรภัทร์' นางเอกละครจากค่ายเอ็กแซ็กท์ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล จากการต่อสู้กับโจรบุกปล้นบ้าน และหวังข่มขืน ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่รอดมาได้
'ไทยรัฐออนไลน์' เห็นอย่างนี้แล้ว จึงสอบถามผู้มีความรู้ พ.ต.ท.โชติวิเชียร วิเชียรโชติ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยผู้หญิง เพื่อเป็นการป้องกันภัย เมื่ออยู่ในสถานการณ์นั้นผู้หญิงควรทำอย่างไร...
พ.ต.ท.โชติวิเชียร วิเชียรโชติ บอกว่า ปรัชญาแห่งความปลอดภัยคือ การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ การป้องกันภัยสำหรับผู้หญิงคือ อย่าพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง 3 สถานการณ์ ได้แก่ 1.สถานที่เสี่ยง 2 เวลาเสี่ยง 3. บุคคลเสี่ยง ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ปลอดภัยไปแล้ว 95% แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แล้ว โอกาสปลอดภัยเหลือเพียง 5% ก็ต้องมีสติ, เตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัว และใช้วิชาการต่อสู้ป้องกันตัวเท่าที่เคยฝึกมา`

พ.ต.ท.โชติวิเชียร วิเชียรโชติ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยผู้หญิง

ดังนั้นคำถามข้อแรกถือว่าตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงแล้ว โอกาสรอดปลอดภัยเหลือเพียง 5%  ก็ต้องทำดังนี้

1.ตั้งสติให้ดี สูดหายใจลึกๆ เพื่อให้มีเลือดไปเลี้ยงสมองให้ตื่นตัว

2.หากยังไม่ถูกจู่โจมประชิดตัว ให้หาทางหลบหนีให้เร็ว

3.ประเมินสถานที่ เป็นที่โล่ง เช่น ทุ่งนา ป่ากล้วย หรือห้องแคบๆ ถ้าเป็นห้องแคบๆ โอกาสรอดน้อยมาก

4.ถ้า เป็นเวลากลางคืนให้วิ่งไปทางที่มีแสงสว่าง หากระยะทางไกลไม่ควรตะโกนร้องให้ใครช่วยเพราะจะเหนื่อยเปล่า และคนร้ายจะติดตามเราได้จากทิศทางเสียงที่เราตะโกน

5.ถ้าประเมินแล้ว ว่าวิ่งหนีไม่ทันแน่ ให้มองหาที่หลบซ่อน ที่คนร้ายไม่สามารถดีงตัวเราออกมาได้ เช่น มุดใต้ท้องรถยนต์ กอไผ่ หรือมองหาสิ่งที่พอทำเป็นอาวุธได้ เช่น ท่อนไม้ยาวๆ หรือปากกา ลูกกุญแจ ก้อนหิน กิ่งไม้เก็บซ่อนไว้กับตัว

6.ถ้าเป็นห้องแคบๆ ให้ร้องตะโกนให้คนช่วย เช่น ไฟไหม้ๆ

7.ถ้า หนีไม่ทันและถูกคนร้ายจับตัวได้แล้วโอกาสรอดเหลือ 1% อย่ายอมให้คนร้ายทำให้เราหมดสติ เพราะถ้าหมดสติไปแล้วโอกาสรอดเหลือ 0% และอาจถูกฆ่าตายได้

8.การไม่ยอมให้คนร้ายทำให้เราหมดสติคือ หากถูกล็อกคอหายใจไม่ออกแล้วเป็นนาทีชีวิต คนร้ายจะพยายามทำให้เราหยุดดิ้นหรือหยุดร้อง ซี่งเขาอาจบีบคอเราจนตายหรือทำร้ายเราจนหมดสติ ต้องหยุดดิ้น แล้วบอกว่ายอมแล้วๆ อย่าฆ่าฉัน ฉันมีลูกเล็ก มีแม่แก่ๆ ที่ต้องเลี้ยงดู เผื่อคนร้ายจะปล่อยมือ

9.หากคนร้ายมีอาวุธร้ายแรง เช่น มีดหรือปืน ไม่ควรต่อสู้ ควรบอกว่ายอมแล้ว เพื่อหน่วงเวลาไว้

10.หากคนร้ายปล่อยมือให้รีบสูดหายใจเอาแรงกลับมา แล้วพยายามเจรจาต่อรองเช่นทำทีเป็นยอม บอกให้คนร้ายใจเย็นๆ

11.ต่อ รองกับคนร้ายว่าอย่าข่มขืนเลย ถ้ามีทรัพย์สิน เช่น สร้อย แหวนให้ปลดออกมาแล้วบอกว่าให้ไปเลย ปล่อยฉันไป จะไม่ไปแจ้งตำรวจ เผื่อคนร้ายเปลี่ยนใจ

12.หากต่อรองไม่สำเร็จให้ทำทีเป็นยอม แล้วบอกว่าสถานที่ไม่อำนวยควรหาสถานที่ดีกว่านี้ เพื่อหน่วงเวลา

13.ระหว่าง เจรจาควรบอกว่าเราเป็นกามโรค หรือมีประจำเดือน แล้วบอกว่าจะให้ทรัพย์สินแทน โดยเอาบัตร ATM ให้ไป และบอกรหัสลวงไป เผื่อคนร้ายจะไม่ข่มขืน

14.หาก คนร้ายพยายามข่มขืนอีก ให้ทำทียอมจูบปาก และรอจังหวะกัดลิ้นคนร้ายให้เร็วและแรงที่สุดแล้วรีบดิ้นหลุดออกมา มิฉะนั้นอาจถูกทำร้ายเสียชีวิต

15.หากคนร้ายให้ช่วยสำเร็จความใคร่ ให้ฉวยโอกาสขณะคนร้ายถอดกางเกง แล้วเตะผ่าหมากคนร้ายให้เร็วและแรง แล้วรีบวิ่งหนี

16.หาก ถูกคนร้ายกดทับตัวอยู่ หากเป็นบริเวณป่า หรือพื้นดินให้เอากิ่งไม้ หรือปากกา ทีซ่อนไว้ทิ่มตาคนร้าย แล้วรีบวิ่งหนี หรือถ้าเป็นพื้นทรายให้กำทรายขว้างใส่ดวงตาคนร้ายระยะประชิดให้เข้าตาคนร้าย แล้วรีบวิ่งหนี

17.หากทำทุกอย่างแล้วยังถูกข่มขืนก็ขอให้รักษาชีวิตเอาไว้ เพื่อไปแจ้งความให้ตำรวจตามจับกุมคนร้ายมารับโทษภายหลัง

18.หาก ที่เกิดเหตุเป็นห้องพักเรา เราควรซ่อนอาวุธไว้ในจุดใกล้ตัวมือเอื้อมถึงสามารถหยิบมาใช้ได้ และใช้การเจรจาต่อรองหน่วงเวลาเพื่อให้คนร้ายตายใจ เช่น บอกว่าควรใส่ถุงยางอนามัยก่อน เดี๋ยวจะไปหยิบให้ แล้วหากมีโอกาสให้รีบวิ่งเข้าห้องน้ำล็อกประตูขังตัวเองไว้ แล้วตะโกนว่าไฟไหม้ๆ

19.อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์เลยครับ หากมีเวลาควรไปเข้าคอร์สเรียนการต่อสู้ป้องกันตัวเอาไว้บ้างเพื่อเอาตัวรอด ยามคับขัน ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้


เชื่อว่าข้อมูลเหล่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้หญิงที่อยู่ในสถานการณ์นั้นได้ไม่ มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าพาตัวเองให้เข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงจะดีที่สุด

รองเท้าผ้าใบ

ว่อนเน็ต! พบตั๋วรถเมล์ในการ์เร็ต ป๊อปคอร์น


แชร์ว่อนเน็ต ตั๋วรถเมล์การ์เร็ตป๊อปคอร์น  ในขณะที่ตัวแทนการ์เร็ตป๊อปคอร์นในไทย ยอมรับและขอโทษในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยสำนักงานใหญ่ที่ชิคาโกจะส่งเอกสารขอโทษต่อผู้เสียหายอีกครั้ง...

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดีย ได้มีการเผยแพร่ภาพผลิตภัณฑ์ยอดฮิต การ์เร็ต ป๊อปคอร์น มีตั๋วรถเมล์ ขสมก. ปนอยู่ในผลิตภัณฑ์ โดยผู้โพสต์ภาพดังกล่าวคือผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Gappy Superdude  โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นจึงได้พยายามติดต่อไปยังการ์เร็ตป๊อปคอร์น ไทยแลนด์ ซึ่งรับผิดชอบการทำตลาดการ์เร็ตป๊อปคอร์นในไทย ซึ่งนัดหมายให้ไปพบในเวลา 18.00 น. วันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมี assistant manager ให้การต้อนรับ พร้อมรับผิดแต่โดยดีว่าเป็นความผิดของทางร้าน 

ล่าสุด garrett customer service team จากต่างประเทศได้ชี้แจงต่อผู้เสียหาย พร้อมแสดงความขอโทษอย่างจริงใจ และยืนยันว่าจะดูแลสาขาในเมืองไทยให้ดีกว่านี้ และได้มาตฐานกว่านี้ โดยแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก

ทีมข่าว “ไทยรัฐออนไลน์” สอบถามไปยังตัวแทนการ์เร็ตป๊อปคอร์นประเทศไทย ได้รับคำตอบว่า ทางการ์เร็ตได้ออกมาขอโทษแก่ลูกค้ารายดังกล่าวแล้ว โดยผู้จัดการร้านการ์เร็ตในสยามพารากอนเป็นผู้ขอโทษด้วยตัวเอง และส่งอีเมล์ขอโทษของสำนักงานใหญ่ภูมิภาคในประเทศสิงคโปร์ รวมถึงคำขอโทษจากสำนักงานใหญ่ ที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา

ส่วนสาเหตุที่ ตั๋วรถเมล์ เข้าไปอยู่ในถุงป๊อปคอร์น ทางตัวแทนการ์เร็ต ระบุว่า กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ แต่คาดว่า ไม่น่าจะมีสาเหตุมาจากเครื่องจักร และวัตถุดิบในการผลิต เนื่องจากนำเข้ามาจากต่างประเทศ และกระบวนการผลิตเป็นการป้อนคำสั่งแบบอัตโนมัติ จึงไม่น่าจะเกิดข้อผิดพลาด แต่สิ่งที่เป็นไปได้ น่าจะอยู่ในขั้นตอนของการขนส่ง

สำหรับเหตุการณ์ ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งการดำเนินการแก้ไขอาจล่าช้าเพราะติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่หลังจากนี้ทางการ์เร็ตจะเพิ่มความระมัดระวังและเข้มงวดในการตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์มากขึ้น สำหรับลูกค้า ยังคงเข้ามาต่อแถวซื้อป๊อปคอร์นตามปกติ.

รองเท้าผ้าใบ

ศาลรธน.นัดลงมติ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน 12 มีค.นี้




ศาล รธน.นัดลงมติ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน 12 มี.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ขณะที่คำร้อง กกต.กรณี ปม 28 เขตสมัครเลือกตั้งไม่ได้ ศาลยังไม่ได้พิจารณา ชี้บรรจุเข้าวาระไม่ทัน...

วันที่ 5 มี.ค. นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยภายหลังการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ในวันที่ 12 มี.ค. 2557 นี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะนัดประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจาก่อนลงมติในคำร้องตามที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขน ส่งของประเทศ พ.ศ. ... วงเงินไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 และ 170 หรือไม่ ซึ่งตุลาการรัฐธรรมนูญจะเริ่มประชุมตั้งแต่เวลา 9.30 น.

ส่วนคำร้อง ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งมาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับคำร้องดังกล่าวแล้ว เมื่อช่วงเย็นวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ทันต่อการบรรจุเป็นวาระการประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ และไม่แน่ใจว่าจะถูกบรรจุเป็นวาระการประชุมในการประชุมสัปดาห์หน้า หรือไม่

ห่วงคนไทยเสพโซเซียลยามดึก เสี่ยง 'โรคต้อหิน' ทำตาบอดได้


 


กระทรวงสาธารณสุขเตือนคนปิดไฟดูทีวี สมาร์ทโฟนในความมืด เสี่ยงเกิดโรค "เทคโนโลยีซินโดรม" สร้างความเครียดผู้ใช้ ทำให้ความดันในลูกตาสูง เสี่ยงเกิดโรคต้อหินถึงขั้นตาบอดได้ แนะอายุ 40 ปี พบจักษุแพทย์ปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจค้นหาโรคต้อหิน โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน เสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป 5-7 เท่าตัว...
เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 57 นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันที่ 6 มีนาคมของทุกปี เป็น "วันต้อหินโลก" ซึ่งโรคต้อหิน (Glaucoma) เป็นสาเหตุตาบอดอันดับ 2 ของโลก รองจากตาต้อกระจก ประมาณการว่า มีคนตาบอดทั่วโลก 4.5 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นถึง 11.2 ล้านคน ในปี พ.ศ.2563 ผู้ป่วยโรคต้อหินส่วนใหญ่ร้อยละ 90 มักจะไม่ค่อยรู้ตัวมาก่อน เนื่องจากโรคต้อหินมีอาการค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น องค์กรต้อหินโลก (World Glaucoma Association) ซึ่งมีสมาชิกที่เป็นชมรม หรือสมาคมแพทย์ต้อหินจากกว่า 75 ประเทศทั่วโลก จึงได้รณรงค์ให้ทราบถึงอันตรายของโรคต้อหิน เพื่อป้องกันตาบอดและสูญเสียการมองเห็น นอกจากนี้ ยังให้ตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจตา และการดูแลถนอมดวงตาให้เป็นปกติให้ได้นานมากที่สุด

สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากสถิติสาธารณสุข ปี 2555 พบผู้ป่วยโรคต้อหิน ทั่วประเทศ 17,687 ราย ชายหญิงพอๆ กัน พบมากสุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4,831 ราย ภาคกลาง 4,352 ราย กรุงเทพมหานคร 3,486 ราย ภาคเหนือ 3,084 ราย และภาคใต้ 1,934 ราย โดยในคนปกติทั่วไปที่อายุ 40 ปีขึ้นไป มีโอกาสเป็นโรคต้อหินประมาณร้อยละ 1 ส่วนผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีโอกาสเป็นต้อหินมากถึงร้อยละ 5-7 หรือมากกว่าคนปกติ 5-7 เท่าตัว แนวโน้มผู้ป่วยโรคนี้ จะมากขึ้นตามจำนวนผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งขณะนี้ไทยมีประมาณ 3.5 ล้านคน ได้กำชับให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ รณรงค์ให้ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป พบจักษุแพทย์เพื่อตรวจตาปีละ 1 ครั้ง และผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป พบจักษุแพทย์ปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจหาโรคแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดปัญหาการสูญเสียการมองเห็นจากโรคต้อหินได้ จัดบริการตรวจตาให้ผู้ป่วยเบาหวานทุกราย เพื่อค้นหาโรคและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
ทางด้าน นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญโรคตาประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี กล่าวว่า โรคต้อหิน เป็นกลุ่มโรคของดวงตา โรคนี้จะมีการทำลายของเส้นประสาทตาจากหลายสาเหตุ ที่สำคัญคือ เกิดจากความดันในลูกตาสูง ทั้งจากการสร้างน้ำในลูกตามากเกินไป หรือระบายออกน้อยเกินไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน หรือค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ คนเป็นจะไม่รู้ตัว ขึ้นกับชนิดของต้อหิน แล้วมีผลให้ลานสายตาแคบลงเรื่อยๆ จนสูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการรักษาโรคนี้และได้ผลดี ทั้งการใช้ยาหยอดตา เลเซอร์ ผ่าตัด มีเครื่องมือที่สอดไปเพื่อระบายน้ำในลูกตา อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับการตรวจและให้การรักษาอย่างทันท่วงทีเป็นเรื่องสำคัญมาก หากปล่อยทิ้งไว้จนสูญเสียการมองเห็น แม้จะรักษาความดันได้เป็นปกติ แต่สายตาจะไม่กลับคืนเป็นปกติ หรือเรียกว่า สูญเสียอย่างถาวร หากบอดแล้วบอดเลย หรือตาพร่ามัวตลอดชีวิต  

"ที่น่าห่วงเป็นอย่าง ยิ่งในขณะนี้ พบว่า สาเหตุสำคัญของการเกิดโรคต้อหิน อีกอย่างหนึ่งคือความเครียด ทำให้เกิดความดันลูกตาขึ้นได้ ซึ่งขณะนี้ประชาชนมีการใช้เทคโนโลยีมากขึ้นทั้งคอมพิวเตอร์ มือถือ โทรทัศน์ จนทำให้เกิดปัญหาที่เรียกว่า เทคโนโลยีซินโดรม ซึ่งเทคโนโลยีซินโดรม ไม่ได้ทำให้เกิดจุดรับภาพจอตาเสื่อม หรือตาบอด แต่จะทำให้เกิดความล้าของสายตา ตาแห้ง เนื่องจากต้องใช้สายตาเพ่งที่ภาพ หรือตัวอักษรที่มีขนาดเล็กและอยู่ในจอ การเพ่งจะทำให้ม่านตาขยายใหญ่ขึ้นกว่าปกติ โดยเฉพาะผู้ที่นิยมปิดไฟดูทีวี เล่นสมาร์ทโฟน ไอแพด มีแอพพลิเคชั่นมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟชบุ๊ก หรือไลน์ต่างๆ การส่องไฟฉายอ่านหนังสือ จะมีความเสี่ยงเกิดเทคโนโลยีซินโดรมได้ง่าย เพราะต้องใช้สายตากำกับตลอดเวลา จะทำให้กล้ามเนื้อตาล้า ตาแห้ง เครียดตลอดเวลา ยิ่งรายละเอียดเยอะ ตายิ่งทำงานหนัก" นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าว

นพ.ฐาปน วงศ์ กล่าวอีกว่า การใช้เทคโนโลยีมาก ไม่ว่าจะดูเพื่อความบันเทิง ดูข่าวสารทั่วโลกนาน คุยกัน ความระทึกต่างๆ จะทำให้ผู้ใช้เกิดความเครียด โดยอาการเตือนของความเครียด จะเริ่มรู้สึกแสบตา ตาแห้ง น้ำตาไหล กะพริบตาบ่อย ปวดเมื่อยล้าที่กระบอกตา สายตาพร่า มองเห็นไม่ชัด บางคนมีอาการปวดศีรษะไมเกรนร่วมด้วย วิธีรักษาด้วยตนเอง สามารถทำได้ง่ายๆ คือให้นอนหลับเป็นเวลา 7 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ซึ่งจะเป็นการรักษาที่ให้ผลดีที่สุด และดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อเพิ่มน้ำให้ตาให้ชุ่มชื้นขึ้น หรือทำประคบเย็น โดยให้ใช้ผ้าขนหนูหนา หรือผ้าเช็ดหน้าพับ 3 ส่วน นำไปแช่น้ำที่มีน้ำแข็งจนเย็น บิดหมาดๆ วางปิดตั้งแต่ขมับให้ทับพาดผ่านดวงตา เว้นสันจมูก ไปถึงขมับอีกข้าง ถ้าเย็นเกินไปให้เอาออก หากหายเย็นให้นำไปแช่น้ำเย็นใหม่อีกครั้ง ติดต่อกันอย่างน้อย 20 นาที พัก 1 นาที วันละ 2 หน จะช่วยลดความเครียด เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา นอกจากนี้ ควรเปิดไฟดูทีวี การอ่านหนังสือในที่แสงสว่างเพียงพอ ดีที่สุดควรใช้เทคโนโลยีเท่าที่จำเป็น ใช้ให้ปลอดภัย เหมาะสม คือใช้นานประมาณ 25 นาที และให้พัก 5 นาที หรือใช้นาน 30 นาที และพัก 10 นาที เปลี่ยนอิริยาบถสลับกันไป จะช่วยได้ให้เหมาะสม ถ้าไม่จำเป็นอย่ายุ่งกับเทคโนโลยี ให้ควบคุมใจตัวเอง

ทั้ง นี้ ผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2551 พบคนไทย อายุ 6 ปีขึ้นไป ดูทีวี 57 ล้านคน และล่าสุด ปี 2555 คนไทยใช้คอมพิวเตอร์  21 ล้านกว่าคน ใช้โทรศัพท์มือถือ 44 ล้านกว่าคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในกรุงเทพมหานครมากที่สุดร้อยละ 84 ภาคกลางร้อยละ 75  ภาคเหนือร้อยละ 68 ภาคใต้ร้อยละ 67 ต่ำสุดภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 64

รองเท้าผ้าใบ

วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557

เจาะใจ 'เดอะค็อป'....'หงส์แดง' จะแรงสุดซอย!!??


ศึกลูกหนัง พรีเมียร์​ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ ทำให้แฟนบอล "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทั่วโลก ต่างกำลังฝันหวานถึงแชมป์​ลีกสูงสุดครั้งแรก ในรอบกว่า 24 ปี หลังจากหยุดนิ่งจอดป้ายอยู่ที่สมัยที่ 18 มานานนม จนถูก "ปิศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาล ทำผลงานแซงล้ำหน้าไปแล้ว 2 สมัย และกลายเป็นสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดมากที่สุด
กับ ฟอร์มอันร้อนแรงของคู่หัวหอก "หลุยส์ ซัวเรซ" และ "แดเนียล สเตอร์ริดจ์" ที่ผนึกกำลังช่วยกันซัดไปแล้วรวม 42 ประตู ในฤดูกาล 2013/14 ทำให้ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำทัพของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ขึ้นมาแทรก อาร์เซนอล และแมนฯ ซิตี้ จับจองพื้นที่รองจ่าฝูง และมีแต้มห่างจากเชลซี อันดับ 1 เพียง 4 แต้ม พร้อมถูกคาดว่า ทีมชุดนี้มีลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว
แล้ว เหล่า "เดอะค็อป" พันธุ์แท้ในเมืองไทย จะมีความคิดเห็นเช่นเดียวกันหรือไม่ กับอีก 10 นัดสุดท้ายที่เหลือ? "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" ขอเจาะใจแฟนบอลลิเวอร์พูล มาเม้าท์ถึงทีมรักของตัวเอง ในฤดูกาลแข่งขันอันน่ารื่นรมย์สมหมายครั้งนี้กัน...

"นิหน่า" สุฐิตา ปัญญายงค์ (ดารานักร้อง,พิธีกร, ผู้ประกาศข่าว)
: ถ้าได้แชมป์ จะบินไปฉลองที่อังกฤษ



"ฟอร์ม ลิเวอร์พูลปีนี้ ดีกว่าคาดเยอะ ถ้าเทียบจากหลายๆ ปีที่ผ่านมา จะสามวันดีสี่วันไข้ แต่มาฤดูกาลนี้ ฟอร์มดีมาก ต้องชมเกมรุกที่ช่วยกันทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่ากองหลังจะทำให้ระแวงอยู่บ่อยๆ แต่ก็ถือว่ายังชดเชยกันไป ถ้าจะให้เครดิตก็ต้องให้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่มาทำให้ ลิเวอร์พูล เป็นทีมเล่นเกมรุก เป็นเครื่องจักรสีแดงอีกครั้ง ต้องชมหลุยส์ ซัวเรซ ที่โตขึ้นมาก หลังจากเจอปัญหาต่างๆ เล่นเพื่อทีมมากขึ้น ทุ่มเทมากขึ้น นิหน่า คิดว่า ถ้าดูจากฟอร์มฤดูกาลนี้ เขาน่าจะเป็น 1 ในกองหน้าดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้"
"อย่างไรก็ตาม บอกตรงๆ ยังไม่กล้าฝันถึงแชมป์นะ (หัวเราะ) แต่ความหวังก็เริ่มขยับจากอันดับ 4 มาอยู่อันดับ 3 แทนแล้ว ส่วนแชมป์คงยาก เพราะเราต้องแช่งให้ทีมเชลซี,​ แมนฯ ซิตี้, อาร์เซนอล พลาดด้วย แต่ถ้าเกิดได้จริงๆ จะลงทุนบินไปฉลองแชมป์ถึงอังกฤษเลย (หัวเราะ)"

"ตอง" กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์​ นายทวารทีมเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
: มาถึงขนาดนี้ ก็ต้องหวังแชมป์กันบ้าง!!



"ตอน แรกก็ไม่คิดว่า ลิเวอร์พูล จะทำผลงานได้ดีขนาดนี้ ก็ทำให้รู้สึกดีเวลาเชียร์ กระชุ่มกระช่วยขึ้นมาหน่อย เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยได้มีความรู้สึกแบบนี้เท่าไหร่ (หัวเราะ) ผมมองว่าปีนี้ เหมือนทุกอย่างมันลงตัว ผลงานก็เลยมีความสม่ำเสมอ ไม่เหมือนสมัยก่อน เจอทีมเล็กก็พลาดไปเอง แต่ปีนี้ เก็บได้เกือบหมด แม้กองหลังอาจมีปัญหาบ้าง แต่กองหน้ากับกองกลางก็ทดแทนกันได้"
"จาก สถานการณ์ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ทำอันดับมาอยู่รองจ่าฝูงแล้ว มันก็คงจะต้องหวังถึงแชมป์บ้างล่ะ (หัวเราะ) แต่ถ้าไม่ได้ ก็ไม่เสียใจอะไร เพราะทีมอื่นเขาก็เล่นได้ดีเหมือนกัน แต่ถ้าลิเวอร์พูลยังรักษาผลงานแบบนี้ไว้ได้ต่อเนื่อง ผมว่าโอกาสที่จะได้ตั๋วไปเตะยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก ก็น่าจะมีแน่นอน"

"เดอะตุ๊ก" ปิยะพงษ์​ ผิวอ่อน ตำนานศูนย์หน้านักเตะทีมชาติไทยและนักวิเคราะห์เกมฟุตบอล
:  ติดท็อปโฟร์แน่ ส่วน "แชมป์" คือ กำไร



"ฟอร์ม ฤดูกาลนี้ก็ถือว่าเซอร์ไพรส์นิดหน่อย ต้องชมเกมรุกที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม มีหลายมิติ โดยเฉพาะ หลุยส์​ ซัวเรซ กับ แดเนียล สเตอร์ริดจ์​ 2 กองหน้าของทีม ส่วนดาวรุ่งอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง ก็ทำให้แดนกลางน่ากลัวขึ้น แต่ก็ยังมีจุดอ่อนในเกมรับ ในคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ที่พลาดเสียประตูง่ายไปหน่อย"
"ถ้าปรับตรงนี้ได้ในช่วง ที่เหลือ ลิเวอร์พูล ก็อาจกลายเป็นม้ามืดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้เช่นกัน แต่ถ้าไม่ได้ ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล อาจจบอันดับ 3 หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องติดท็อปโฟร์ ไปเตะยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แน่นอน ไม่น่าพลาด ซึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม กับ สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ที่มีส่วนสำคัญช่วยให้สปิริตของทีมแข็งแกร่งในฤดูกาลนี้"

'เยาวเรศ' สละสิทธิ์ 'รางวัลสตรีดีเด่น' อ้างสร้างบรรยากาศปรองดองในสังคม


เครือข่ายสิทธิเด็กสตรีและครอบครัว เข้ายื่นหนังสืออย่างเป็นทางการต่อคณะกรรมการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัลสตรีดี เด่นปี 2557 คัดค้านการมอบรางวัลให้น้องสาวทักษิณ ด้าน 'เยาวเรศ' ออกจดหมายเปิดผนึก ขอสละสิทธิ์ ไม่รับรางวัลสตรีดังกล่าว เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสามัคคีปรองดองในสังคม...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 มี.ค. 57 น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ตัวแทนเครือข่ายสิทธิเด็กสตรีและครอบครัว และกลุ่มเครือข่ายทำงานด้านเด็กและสตรีเข้ายื่นหนังสือต่อ นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกผู้ได้รับรางวัลสตรีดีเด่นประจำปี 2557 โดยขอทบทวนรางวัลสตรีดีเด่นให้แก่ นางเยาวเรศ ชินวัตร นายกสมาคมสตรีไทยดีเด่นแห่งชาติ ในสาขาด้านการส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย และการคุ้มครองสิทธิสตรี ประเภทบุคคลภาคเอกชน ว่า มีความไม่เหมาะ สม เนื่องจากในหลักเกณฑ์ได้ระบุคุณสมบัติว่า ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม และต้องปรากฏให้เห็นชัดเจน แต่มีข้อค้นพบบางประการ เกี่ยวกับตัวของนางเยาวเรศ ซึ่งไม่สอดคล้องกับตำแหน่งสตรีดีเด่นฯ จึงขอให้ทาง สค.ในฐานะเป็นหน่วยงานหลักในการจัดมอบรางวัลสตรีดีเด่น ปรับเพิ่มหลักเกณฑ์เรื่องคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ และต้องมีผลงานต่อเนื่องเป็นที่ประจักษ์และเป็นที่ยอมรับของสังคม เพื่อให้รางวัลสตรีดีเด่น ยังคงความศักดิ์สิทธิ์และเป็นรางวัลของคนทำดีอย่างแท้จริง

ทั้ง นี้ นายสมชาย กล่าวว่า กรณีการคัดเลือกบุคคลดีเด่นเข้ารับตำแหน่งสตรีดีเด่น ต้องมีการเสนอชื่อเข้ามา ให้คณะกรรมการพิจารณาผลงานตามหลักเกณฑ์ เช่นเดียวกับมีการเสนอชื่อนางเยาวเรศ ทางคณะกรรมการฯ ก็ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีผลงานจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็มีการทักท้วงในที่ประชุมแล้ว จึงมีการทบทวนและเพิ่มเติมผลงานในด้านที่ขาดจนผลงานครบถ้วนตามเกณฑ์ และได้รับเลือก ซึ่งเมื่อมีการท้วงติงเรื่องความไม่เหมาะสม จากเครือข่ายเด็ก สตรีและครอบครัว และมีการออกข่าวล่าสุดนางเยาวเรศได้ให้ผู้ประสานงานโทรศัพท์มาแจ้งขอถอนตัว จากการรับรางวัลดังกล่าว โดยจะทำหนังสือส่งตามมาอย่างเป็นทางการ ทำให้ในปีนี้ต้องงดให้รางวัลในตำแหน่งที่นางเยาวเรศถอนตัว
และล่าสุด นางเยาวเรศ ได้ออกจดหมายเปิดผนึกประกาศถอนตัวจากรางวัลสตรีดีเด่นแล้ว โดยให้ผู้ประสานงานติดต่อมายังประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้ได้รับรางวัลสตรี ดีเด่นฯ ด้วยวาจา โดยจดหมายเปิดผนึกมีใจความว่า
"จดหมายเปิดผนึก กรณีคัดค้านของ น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง เรื่องการเตรียมมอบรางวัลสตรีดีเด่น ด้านการส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย และการคุ้มครองสิทธิสตรี เนื่องในวันสตรีสากลโลกประจำปี 2557 ของกระทรวงพัฒนาการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เนื่องจากคุณสมบัติไม่เหมาะสมนั้น
ดิฉัน นางเยาวเรศ ชินวัตร ขอเรียนว่า ในชีวิตที่ผ่านมา ได้อุทิศตนต่อการทำงานเพื่อพัฒนาความเสมอภาคหญิง ชาย และการคุ้มครองสิทธิสตรีมาโดยตลอด ส่วนตัวไม่รู้สึกเสียใจต่อคำคัดค้าน เพราะไม่เคยคิดหวังสิ่งตอบแทนใดๆ จากการทำงานด้านพัฒนาดังกล่าว ทั้งนี้ ดิฉันเชื่อมั่นว่า มีผู้หญิงอีกมากมายที่ได้รับประโยชน์จากความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานของดิฉัน ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นรางวัลที่เพียงพอสำหรับดิฉันแล้ว ดิฉันจึงพร้อมที่จะสละสิทธิ์ รับรางวัลดังกล่าว เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสามัคคีปรองดองในสังคม รวมทั้งขอเป็นกำลังใจให้ สตรีทุกท่าน ทั้งที่ได้รับรางวัลแห่งการทำงานเพื่อสิทธิสตรีทุกคน รวมไปถึงผู้ที่ไม่ได้รับรางวัล เพื่อให้เดินหน้าทำงานเพื่อสังคมต่อไป"

รองเท้าผ้าใบ

ระเบิดศึกชาพร้อมดื่มหน้าร้อนแข่งดุ




ย่างเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัวกับดีกรีของอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น เรื่อยๆ แน่นอนว่าสินค้าเครื่องดื่มหน้าร้อน ได้เวลาระเบิดศึก ปล่อยแคมเปญช่วงชิงลูกค้ากันอย่างคึกคักโดยเฉพาะชาเขียวพร้อมดื่ม ที่ขับเคี่ยวกันมาทุกยุคทุกสมัย
งานนี้เจ้าตลาด ที่ถือครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึงร้อยละ 42 อย่างค่ายอิชิตัน ยังคงงัดกลยุทธ์การตลาดด้วยแคมเปญ แจก และแถม ให้เปิดฝาลุ้นโชค ภาค 3
ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน จำกัด (มหาชน) บอกว่า แคมเปญแจกโชคใต้ฝา เป็นแคมเปญต่อเนื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างมากใน 2 ปีที่ผ่านมา และผู้บริโภคจดจำตัวสินค้าได้เป็นอย่างดี บทพิสูจน์ ก็คือส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ความสำเร็จของแคม เปญลุ้นรหัสใต้ฝา มีส่วนให้ อิชิตัน เติบโตถึงร้อยละ 65 และมีส่วนช่วยขับเคลื่อนตลาดให้เติบโตร้อยละ 22 ในปี” ตันกล่าว
สำ หรับแคมเปญภาคต่อคราวนี้ มีระยะเวลา 3 เดือน ด้วยของรางวัลมูลค่ารวมกว่า 60 ล้านบาท ไฮไลต์คือ รถปอร์เช่ คันละ 8 ล้านบาท ที่ผู้โชคดีไม่ต้องเสียภาษี ณ ที่จ่าย และให้ค่าน้ำมันอีก 2 แสนบาท

ตัน ยังคงทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย ด้วยการปล่อยแคมเปญทีละนิด ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ''Ichitan''ตันบอกว่าเพียงวันเดียว (25 กุมภาพันธ์ 57) ที่โพสต์บางส่วนของแคมเปญ ผลตอบรับคือ ยอดกดไลค์กว่าแสนคน ผ่านมา 6 วัน (3 มีนาคม 57 ) มียอดกดไลค์ กว่า 2 แสนคน
มีคำถามว่าเหตุใดต้องแจกรถหรู ระดับ “ปอร์เช่” เจ้าของแบรนด์ อิชิตัน อธิบายว่า รางวัลทั้ง 3 ระดับ จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แต่ละกลุ่ม ทั้งฐานคนรุ่นใหม่ ที่เป็นเป้าหมายในการขยายฐาน และฐานเก่าอย่างพนักงานออฟฟิศ และคนเมืองที่ต้องรักษาเอาไว้
2 เดือน กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย อิชิตัน คาดหวังว่าจะมียอดขาย 1,200 ล้านบาท จากปีที่แล้ว 1,500 ล้านบาท ที่ใช้เวลาจัดแคมเปญ 3 เดือน
แต่ สำหรับบิ๊กแคมเปญ ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ตัน ประกาศแล้วว่า จะมีเพียง 1 แคมเปญใหญ่เท่านั้น เนื่องจากจะหันไปเน้นสร้างแบรนด์ คู่กับการออกสินค้าใหม่ 2-3 ตัวในปีนี้ ในกลุ่มชาเพื่อสุขภาพ งบการตลาดทั้งปี ตั้งไว้ที่ 800 ล้านบาท จะใช้กับโปรโมชั่น 200-300 ล้านบาท
อิ ชิตันตั้งเป้าว่าปีนี้ จะเติบโตร้อยละ 20 เช่นเดียวกับการเติบโตของตลาดชาเขียว การที่ทุ่มจัดแคมเปญฤดูร้อนก็เพราะยังเห็นอัตราการเติบโตของชาเขียวพร้อม ดื่มที่โตเป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่องตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น ขณะที่ปัจจัยทางการเมืองที่เริ่มอ่อนลง
ตัน ยอมรับว่า บรรยากาศการเมืองที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้ต้องตัดสินใจเลื่อนแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะเป็นเดือนธันวาคม 2556 ล่าสุดอยู่ระหว่างทำแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) คาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จและสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ไม่ เกินครึ่งปีแรกนี้
อย่างไรก็ตาม ตันเชื่อว่า จากการยุบเวทีชุมนุม 4 เวทีหลักของกลุ่ม กปปส.ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง และเชื่อว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจะฟื้นกลับคืนมา
โออิชิ ยังอุบแผนสู้
มา ดูคู่แข่งตลอดกาลอย่างค่าย โออิชิ ที่ยังอุบแผนสู้ศึกตลาดชาเขียวพร้อมดื่มในช่วงหน้าร้อนนี้ แต่หันไปทำตลาดเครื่องดื่มสมุนไพร เพราะมองเห็นช่องว่าง และเห็นว่ามีมูลค่าตลาดสูงถึง 5,000 ล้านบาท
เจษฎากร ธราธิป ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัทโออิชิ เผยว่า ปีนี้โออิชิ ใช้งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ทำตลาดทั้งปี เน้น 3 กลยุทธ์หลัก คือ แบรนดิ้ง นิวโปรดักส์ และโปรโมชั่น สำหรับโปรโมชั่น บอกเพียงสั้นๆ ว่า จะเป็นแคมเปญที่สร้างความตื่นเต้นได้ไม่แพ้ปีที่แล้ว โดยจะเปิดตัวแคมเปญใหม่ในสัปดาห์หน้า
“ตลาดชาเขียวช่วงหน้าร้อนปีนี้ จะยังคงแข่งขันดุเดือด มั่นใจว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับที่ดี ปัจจัยหลักคือ อากาศที่ร้อน และการทำแคมเปญน่าจะทำให้ช่วงซัมเมอร์นี้ โออิชิจะมียอดขายมากกว่าช่วงปกติอีกอย่างน้อยร้อยละ 30 เท่าปีที่แล้ว” เจษฎากร กล่าว
ขณะที่ยังอุบแผนสู้ศึกตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม โออิชิหันไปบุกตลาด เครื่องดื่มสมุนไพร ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ “โอเฮิร์บ” เข้ามาทำการตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มนอน-กรีนที สมุนไพรเพื่อสุขภาพ มีสองรสชาติ คือ รสน้ำผึ้งโสมและรสรากบัวพุทราจีน และตั้งเป้าจะเป็นอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มสมุนไพร
"ในปี 56 เครื่องดื่มประเภทเฮอร์เบิลดริ้งค์เติบโตสูงสุดในเอเชียแปซิฟิก รวมถึงในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีนและไทย ทำให้ชาเชียวพร้อมดื่มยังคงได้รับความนิยม รวมถึงเครื่องดื่มสมุนไพรที่ปัจจุบันมีมูลค่าการตลาด 5,000 ล้าน ส่วนโอเฮิร์บคาดหวัง 1,500 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 10 ของตลาดรวมชาพร้อมดื่ม" เจษฎาธร กล่าว
งานนี้โออิชิ ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มสมุนไพร โดยจะเน้นเจาะกลุ่มอายุ 22-40 ปี เน้นกลุ่มคนเพิ่งเริ่มทำงาน ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ และความสะดวกในการเข้าถึงตัวสินค้า คาดว่าสิ้นปีสร้างรายได้ร้อยละ 20 และชาเขียวโออิชิอยู่ที่ร้อยละ 80 ของรายได้กลุ่มเครื่องดื่ม และภายในปี 2558 ตั้งเป้าจะก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ในตลาดเครื่องดื่มสมุนไพร

สุธี ธรรมสิทธิ์บูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม ชี้ว่าตลาดชาเขียวปี 2556 เติบโตร้อยละ 23 มูลค่า 17,000 ล้านบาท ด้วยการแข่งขันที่รุนแรง การอัดฉีดโปรโมชั่นอย่างคึกคักจะเป็นแรงผลักดันให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องดื่ม ประเภทนี้ จึงประเมินว่าตลาดชาเขียวยังเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก เฉพาะช่วงซัมเมอร์นี้ น่าจะโตเฉลี่ยร้อยละ 20
สงครามเครื่องดื่มหน้า ร้อนเพิ่งจะเริ่มขึ้น ขณะที่ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มยังคงขับเคี่ยว ชิงไหวชิงพริบกันอย่างหนัก เพื่อรักษาฐานลูกค้าและช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด การที่โออิชิหันไปทำตลาดเครื่องดื่มสมุนไพร ยากจะคาดเดาว่า โออิชิ จะถอยในศึกนี้ หรือจะเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้ใหญ่กว่าเดิม เป็นการชิงพื้นที่ก่อนที่คู่แข่งจะก้าวเข้าไปเล่นในตลาดนี้ด้วย.


รองเท้าผ้าใบ