วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บัวแก้วมึน! ดวงตราวีซ่าหายอีก500แผ่น สั่งล้อมคอก


กต.ล้อมคอกปรับโฉมดวงตราวีซ่า สแกนหน้าเจ้าของลงสติกเกอร์ สั่งเอกซเรย์ทุกสถานทูตไทย หลังพบที่สุวรรณเขต หายอีก 500 แผ่น ขู่เจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจดำเนินคดีตามกฎหมายเด็ดขาด "สุรพงษ์" ยัน "โทนี แบลร์" มาชัวร์ ...  เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 28 ส.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีแผ่นตรวจลงตราของไทย หรือสติกเกอร์ วีซ่า หายไปจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ได้รับรายงานว่าที่แขวงสุวรรณเขต ประเทศลาว สติกเกอร์วีซ่าหายไป ซึ่งวันนี้ เวลา 13.00 น. ตนได้เชิญกรมการกงสุล และรองปลัดฯที่ดูแลเรื่องนี้มาดูรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง เพราะเหตุการณ์นี้น่าจะต่อเนื่องมาพอสมควร ซึ่งตนจะดูขั้นตอนการเบิกจ่าย การส่งไปมีการลงทะเบียนและรับมอบกันอย่างไรบ้าง หากกระบวนการมีความบกพร่องเราจะต้องรีบปรับปรุงแก้ไข   นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ในส่วนของการส่งเรามีลูกจ้างเป็นคนท้องถิ่นทำงาน โดยที่สถานทูตหรือสถานกงสุลไม่ได้ตรวจสอบให้รอบคอบ จึงต้องมีมาตรการที่รัดกุมขึ้น และหากตนลงไปตรวจสอบและพบว่ามีกระบวนการหรือเจ้าหน้าที่ทางภาครัฐไปเกี่ยวข้อง ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีรายงานตัวเลขสติกเกอร์ที่หายจำนวน 500 แผ่น โดยตนได้มีการกำชับให้ตรวจสอบทั่วโลก ทุกสถานทูตที่เราส่งไป และให้ตรวจสอบย้อนหลังว่าใครเบิกไปเท่าไหร่ ส่งไปเท่าไหร่ ถึงเมื่อไหร่ มีการเซ็นรับถูกต้องหรือไม่ นอกจากนี้ได้ให้กรมการกงสุลคุยกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เรื่องการพัฒนาระบบการพิมพ์ไม่ให้มีการปลอมแปลง และแนวทางในอนาคตเราจะเปลี่ยนรูปแบบสติกเกอร์วีซ่า ให้มีใบหน้าของคนติดอยู่ ซึ่งเราได้ศึกษาแล้วว่าสามารถทำได้   เมื่อถามว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีหนอนบ่อนไส้หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนขอสอบสวนข้อเท็จจริงดูก่อน อย่างของประเทศมาเลเซียเมื่อตนทราบก็ได้มีคำสั่งให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศตั้งคณะกรรมการสอบสวน ส่วนก่อนหน้านี้จะมีหรือไม่ตนจะลงลึกไปกว่านั้น เพราะเมื่อหายไปเราก็ได้แจ้งหมายเลขวีซ่าที่หายให้ ตม.ทราบ และจากที่ ตม.ตรวจจับยังไม่มีผู้ก่อการร้ายในขบวนการที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่ายังโชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะนั้น ทั้งนี้ หากตนตรวจสอบว่ามีคนของกระทรวงเข้าไปเกี่ยวข้องต้องเอาจริงเอาจังจะไม่ปล่อยทิ้งไว้ และจะต้องว่ากันไปตามกฎหมาย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องอันตรายหากบุคคลที่ขโมยไปเอาไปใช้เป็นผู้ก่อการร้ายหรืออาชญากร ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่ในเบื้องต้นทางตม.แจ้งว่าเป็นบุคคลทั่วไป  นอกจากนี้ รมว.ต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการเดินทางร่วมเวทีปาฐกถาผ่านโครงการ Uniting for the future: Learning from each other's experiences (ผนึกกำลังสู้อนาคต เรียนรู้ร่วมกันจากประสบการณ์) ของนายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ในวันที่ 2 ก.ย. หลังกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติยืนหนังสือคัดค้านที่สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยว่า ยืนยันมาแน่นอน ฝ่ายที่ไปคัดค้านสถานทูตอังกฤษ ไม่อยากไปพูดว่าไปปิดกั้นสังคมไทย เพราะวันนี้กระทรวงการต่างประเทศจัดเวทีนี้ขึ้นมาเป็นเวทีทางวิชาการ เพื่อให้คนได้เรียนรู้ประสบการณ์จากผู้นำที่มีประสบการณ์ในประเทศต่างๆ ที่มีความขัดแย้ง และจะร่วมแก้ไขปัญหา แต่บุคคลที่ไปคัดค้านไม่ให้เข้ามา ก็ไม่เข้าใจว่าคิดอะไร แทนที่จะหาทางออกให้กับประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ถ้าสังคมไทยสงบเศรษฐกิจไทยเดินหน้าแน่นอน   รมว.ต่างประเทศ กล่าวต่อว่า ความวุ่นวายทางการเมืองเป็นสิ่งที่หลายๆ ประเทศไม่อยากเห็น อยากให้บุคคลที่ออกมาต่อต้านกลับไปดูที่ประเทศอียิปต์เป็นตัวอย่าง ที่วันนี้เศรษฐกิจ การท่องเที่ยวเสียหาย ตนไม่รู้ว่าคนไทยกลุ่มนั้นต้องการอะไรในชีวิตเขา คิดถึงประชาชน ประเทศชาติบ้าง จากรายชื่อที่เชิญไปในการเสวนาครั้งแรก มีทั้งหมด 11 คน ตอบรับที่จะมาวันที่ 2 ก.ย.จำนวน 3 คน ส่วนที่จะมาครั้งต่อไปก็จะมีผู้นำอื่น และมีการเชิญเพิ่มเติมอีก ได้มีการส่งหนังสือเชิญไปอีกชุดหนึ่งแล้วในการเสวนาครั้งที่ 2 เพียงแต่รอทางไทยกำหนดวันเสวนาครั้งท่ี่ 2 ว่าจะเป็นเมื่อไร ซึ่งจะกำหนดวันที่ชัดเจนหลังเสร็จสิ้นการเสวนาครั้งแรก เพื่อให้ผู้นำเลือกวันที่จะมาร่วมเวทีเสวนาได้

รองเท้าผ้าใบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น