วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

'โคทม'เสนอตั้งคณะมนตรีเพื่อการปฏิรูปฯ


เริ่มถกเวทีปฏิรูป “บรรหาร” ขอให้ละตัวตน ตัดกิเลส “โคทม” เสนอตั้งคณะมนตรีเพื่อการปฏิรูป “วุฒิสาร” ชี้ ต้องเริ่มที่การไว้วางใจ “ธิดา” แบบไต๋ หนีไม่พ้นแก้ รธน. ...   วันนี้ (25 ส.ค. 56) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมหารือ แลกเปลี่ยน และให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอทางออกประเทศไทย หรือเวทีปฏิรูปประเทศ ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังจากที่นายกฯ กล่าวเปิดการประชุม นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า เรื่องการหาทางออกเป็นเรื่องที่ทุกคนควรหันหน้าเข้าหากัน เพราะไม่มีเวลาทะเลาะกันอีกแล้ว ตนได้แค่พูด แต่ยังมีการทะเลาะกันอยู่ แม้ในรัฐสภา ก็มีอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เห็นแล้วไม่สบายใจ อาจจะเกิดเพราะไม่เข้าใจ หรือแกล้งไม่เข้าใจ ซึ่งต้องมาพูดคุยหาทางออก   นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ มีทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ คนที่จะเข้ามาแก้ปัญหา จะต้องเป็นกลาง ไม่เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าจะทำให้บ้านเมืองสงบได้ ต้องเอาตัวตนออกจากร่างตัวเองคือ เอากิเลสออก จะทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็ทำได้แน่นอน ตนขอฟังความคิดเห็นก่อนความคิดเห็นวันนี้คงมีหลายทาง โดยสรุปแล้วความคิดเห็นโดยรวมเป็นอย่างไรให้นายกฯ เป็นผู้สรุป   นายโคทม อารียา ผอ.ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ก่อนการปฏิรูปการเมือง เราคงต้องมีกรอบความคิดเชิงเป้าหมายเรามีทั้งสิ่งที่คุกคามที่เป็นประโยชน์คือ การเปิดประเทศสู่โลกาภิวัฒน์และการเปิดประเทศสู่อาเซียน เป้าหมายควรสร้างสัญญาประชาคมใหม่ ระหว่างรัฐ ทุน และประชาชน ในทุกด้าน ถ้ามีเป้าหมายชัดเจน การทำงานจะต้องมีทุกฝ่ายมาร่วม ขอเสนอ 3 ขั้นตอน คือ มีแนวเรื่องที่จะพูดคุย เอาแนวเรื่องนี้ไปพูดคุยกัน อาจจะพูดคุยกันหลายรอบ ให้ได้ข้อสรุปกระบวนการควรมีความเป็นอิสระเป็นกลาง สามารถระดมความคิดที่กว้างขวางคณะกรรมการที่ทำหน้าที่อำนวยการ อาจจะเป็นคณะมนตรีเพื่อการปฏิรูปการเมือง ทำหน้าที่กำหนดแนวร่วมแนวทางการศึกษา แล้วเอาแนวเรื่องนั้นไปคุย เพื่อให้ได้ข้อสรุปแล้วเอามาประเมินผลและสรุป และควรมีอาสาสมัครปฏิรูปการเมือง เพื่อลงไปในพื้นที่ระดับตำบล อำเภอ เพื่อให้ได้ผล ควรมีการศึกษาอย่างดีระหว่างกระบวนการกับสังคม รวมถึงอาศัยสื่อมวลชนและสื่อต่างๆ เพื่อสะท้อนความคิดเห็นมาสู่กระบวนการปฏิรูปการเมือง   นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศมีความหลากหลาย กว้างขวางกว่าการปฏิรูปการเมือง เพราะต้องครอบคลุมปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ ที่ต้องศึกษาเป็นการสร้างอนาคตร่วมของประเทศในระยะยาว การแก้ไขปัญหาของประเทศคือ การมีอนาคตร่วมกัน โดยสร้างความเป็นธรรมและสร้างสุขภาวะในทุกมิติลดช่องว่างระหว่างสังคมให้น้อยลง เป้าการปฏิรูปประเทศต้องมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนการปฏิรูปการเมือง คือ การสร้างการเมืองที่มีความหลากหลาย ลดความเป็นสถาบัน สร้างวิถีที่เป็นประชาธิปไตยมากกว่าการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ความปรองดองจะเป็นผลลัพธ์หากเราทำเรื่องปฏิรูปประเทศและปฏิรูปการเมืองได้ เงื่อนไขความสำเร็จต้องสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน ถ้าทุกคนเห็นตรงกันจะทำได้ โดยต้องยุติเงื่อนไขของความไม่ไว้ใจ ถ้าเรามีสัญญาประชาคมที่เป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่ายได้ เอกภาพจะเกิดขึ้น จุดเริ่มต้นต้องมีเวทีที่สร้างความไว้วางใจให้มาพูดคุยกันการปฏิรูปจึงต้องเกิดขึ้นได้โดยการพูดคุยต้องมีข้อเสนอเป็นระยะๆ ให้สังคมเห็นว่าการปฏิรูปมีผลเกิดขึ้น   พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ กล่าวว่า เสนอให้มีการตั้งคณะทำงานโดยขับเคลื่อนด้านต่างๆ คือ ทางการเมืองเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ความมั่นคง และเทคโนโลยี ปัญหาของบ้านเราเวลานี้คือ ปัญหาการเมืองคงต้องคิดว่าประชาธิปไตยแบบไทยๆ จะเป็นอย่างไร จะไปเอาจากต่างประเทศมาคงไม่ได้ อะไรยังไม่เป็นประชาธิปไตยต้องแก้ไขอย่างจริงจัง และเมื่อได้ผลสรุปแล้ว หวังว่านายกฯ จะหยิบผลสรุปของการปฏิรูปที่มาทำให้เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่เดินไปไม่ได้คือ ปัญหาสังคมมันเป็นเพราะลักษณะนิสัยของคนไทย ทำไมเราต้องเกลียดกันหนักหนา จะให้อภัยกันไม่ได้หรือ เราจะให้อภัย หรือปรองดองกันได้หรือไม่อยู่ที่สังคม ถ้าเรารักชาติมาเป็นอันดับหนึ่ง เราต้องให้อภัยกันได้ เรื่องทั้งหมดเป็นความท้าทาย ถ้าทำได้เป็นวีรบุรุษ   ขณะที่ นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า เป้าหมายของ นปช. ชัดเจนว่าจะยุติการเคลื่อนไหว ต่อเมื่อยุติการรัฐประหารทุกรูปแบบ แม้รัฐบาลนี้จะมาจากการเลือกตั้ง แต่ความขัดแย้งในประเทศไทยร้าวลึก อยากให้เวทีนี้ได้ผลมีการปฏิรูปการเมืองที่แท้จริง ตนต้องการให้การปฏิรูปการเมืองครั้งนี้ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมและได้รับรู้ทั่วประเทศให้เป็นวาระของประชาชนทั้งประเทศเป็นเวทีของประเทศไทย ทั้งนี้ การปฏิรูปการเมือง คงหนีไม่พ้นเรื่องรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นกติกาสูงสุดทางการเมือง รวมถึงกฎหมายและกลไกความยุติธรรม โดยการยุติความขัดแย้งต้องออกจากวาทกรรมทั้งระบอบทักษิณและทุกเรื่อง ส่วนกลุ่มคนเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนชั้นนำ ที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมกับคนส่วนใหญ่ถ้าความแตกต่างเดินไปด้วยกันได้.


รองเท้าผ้าใบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น