วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ใครได้ประโยชน์นิรโทษเหมาเข่ง

 
ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ วรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่ ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ รองประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แปรญัตติเนื้อหาร่างให้แผ่อานิสงส์ถ้วนหน้า โดยสาระสำคัญของร่างทั้ง 7 มาตราอยู่ในมาตรา 3 ที่ระบุว่า
"...ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2547 ถึงวันที่ 8 ส.ค. 2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง”
...การกระทำตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112”
ทั้งนี้ จุดสำคัญที่สุดของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้อยู่ที่การให้ “ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง” เท่ากับคดีทุจริตทั้งหมดที่อ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมหลังการรัฐประหารนั้น หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ประกาศใช้เท่ากับคดีดังกล่าวไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมใหม่ แต่ให้การกระทำเหล่านั้นพ้นจากความผิดทั้งหมด

ผบ.ตร.มั่นใจเอาอยู่ คาดยอดม็อบปชป.2-3หมื่น


ผบ.ตร.ยืนยันยังไม่จำเป็นต้องประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงในพื้นที่อื่นเพิ่ม ประเมินมีผู้ชุมนุมวันนี้ 2-3 หมื่นคน สั่งกำชับ บช.น.ดูแลทำเนียบ-รัฐสภาเต็มที่ มั่นใจดูแลควบคุมสถานการณ์ได้...

เมื่อ วันที่ 31 ต.ค. 56 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้เรียกตำรวจที่เกี่ยวข้อง ประชุมติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่ศูนย์ปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศปก.น. โดยกล่าวหลังการประชุมว่า การชุมนุมของกลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ที่สถานีรถไฟสามเสน ถนนกำแพงเพชร 5 คาดว่ามีมวลชนประมาณ 20,000-30,000 คน ซึ่งจะใช้กำลังตำรวจดูแลความเรียบร้อยไม่เกิน 40 กองร้อย

"ขณะนี้ สถานการณ์การชุมนุม ยังไม่จำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ เพิ่มในพื้นที่อื่น โดยยังสามารถใช้กฎหมายปกติดูแลได้ แต่อย่างไรก็ตาม อยากขอให้การชุมนุมอยู่ตามกรอบของกฎหมาย ส่วนแนวทางการปฏิบัติของตำรวจ เน้นดูแลจราจร เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบในการใช้เส้นทาง และจะเน้นเฝ้าระวังพิเศษในพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงฯ อย่างทำเนียบรัฐบาลและอาคารรัฐสภา" พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว

พล.ต.อ. อดุลย์ ยังระบุอีกว่า สำหรับการชุมนุมนอกพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงฯ อย่างแยกอุรุพงษ์ ตนได้มอบหมายให้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลวางแผนในการดูแลความเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเชื่อว่าตำรวจจะสามารถควบคุมและดูแลสถานการณ์การชุมนุมได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทาง บช.น. ยังเตรียมแผนสำรองไว้รองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย.

รองเท้าผ้าใบ

มิเชล ใช้เซซามิสตรีท รณรงค์เด็กมะกันกินผัก


นางมิเชล โอบามา สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา จับมือตัวละครใน "เซซามิ สตรีท" ซึ่งรายการเด็กขวัญใจของสหรัฐอเมริกา ในการรณรงค์ให้เด็กหันมากินผักและผลไม้เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

นางมิ เชล โอบามา ควงแขนมา เอลโม่ และ โรสิต้า 2 ตัวละครหลักของรายการ "เซซามิ สตรีท" เพื่อแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ว่าเธอและเพื่อนสมาชิกเซซามิ สตรีท ทุกคนจะทำโครงการรณรงค์ให้เด็กๆ ในสหรัฐฯหัน มาให้ความสำคัญกับการรับประทาน ผัก และผลไม้ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง โดยเธอเผยว่าฤดูใบไม้ผลิหน้า เด็กๆ ในสหรัฐฯ จะได้เห็นสติกเกอร์ตัวละครสมาชิกเซซามิ สตรีท ติดอยู่ตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะจุดขายสินค้าเพื่อให้เด็กเลือกที่จะซื้อผัก หรือ ผลไม้ แทนขนมอบกรอบ, ลูกอม และคุกกี้

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว สตรีหมายเลขหนึ่งได้อ้างอิงกับผลงานวิจัยมาจากมหาวิยาลัยคอร์แนล ที่นำคุกกี้ และแอปเปิล มาให้เด็กวัย 8-11 ปีเลือก ผลปรากฏว่าแม้ตอนแรกเด็กจะเลือกคุกกี้เป็นส่วนใหญ่ แต่ทันทีที่มีการแปะสติกเกอร์ตัวละคร "เอลโม่" ใกล้ๆ กับแอปเปิล เด็กๆ ก็จะพากันแต่หยิบแอปเปิลมากกว่าคุกกี้ โดยบรรยากาศในงานแถลงข่าวเป็นไปอย่างสนุกสนานเมื่อ สตรีหมายเลขหนึ่ง สนทนากับ เอลโม่ และ โรสิต้า เรื่องการกินผักผลไม้จนทำให้เธอร่างกายแข็งแรง

โครงการ รณรงค์เรื่องการกินผัก และผลไม้เป็นภารกิจหนึ่งที่นางมิเชล โอบามา เดินหน้ามากว่า 4 ปี ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้วเธอได้เรียกร้องให้บริษัทผลิตอาหารสำหรับเด็กลดการใช้ ไขมัน, น้ำตาล, เกลือ ในการผลิตอาหาร ซึ่งครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอร่วมโครงการกับ "เซซามิ สตรีท" โดยก่อนหน้านี้เธอได้ไปปรากฏตัวในรายการมาแล้วหนึ่งครั้ง ในการรณรงค์ให้เด็กๆ ที่รับชมหันมากินผักและผลไม้ โดยดำเนินเรื่องร่วมกับตัวละครขวัญใจ อย่าง เอลโม่, บิ๊กเบิร์ด และ คุกกี้มอนส์เตอร์ เป็นต้น

รองเท้าผ้า

ตะลึง! 'ปืนใหญ่' 8 กระบอกโผล่วังหน้า นักโบราณคดีชี้เป็นโรงทหารเก่า


ตะลึงขุดพื้นที่วังหน้า พบปืนใหญ่ 8 กระบอก พร้อมกระสุนอีกเพียบ นักโบราณคดีตรวจสอบแล้ว เผยไทยนำปืนเข้ามาใช้งานตั้งแต่สมัยอยุธยา ขณะที่พื้นที่ขุดพบเป็นโรงทหารเก่า สมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ กรมศิลป์นำขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ เตรียมอนุรักษ์เก็บรักษาไว้ในคลังพิพิธภัณฑ์พระนคร...
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่กรมศิลปากร นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากการที่กลุ่มวิจัยและพัฒนางานโบราณคดี สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ได้มีการขุดค้นทางโบราณคดี ในพื้นที่สนามด้านข้างของพระที่นั่งพุทธไธสวรรย์ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตามโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ในปีงบประมาณ 2556 ซึ่งจากการขุดค้น เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากบริษัทนอร์ทเทิร์นซัน จำกัด ผู้รับจ้างว่า การดำเนินการขุดค้นในพื้นที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ของสนามด้านข้างพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ได้พบกองปืนที่มีขนาดและลักษณะต่างๆ กัน รวม 8 กระบอก พร้อมลูกกระสุนปืนจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้คณะนักโบราณคดี เข้าไปตรวจสอบ พร้อมทั้งรายงานกลับมาว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ซึ่งตามหลักฐานตำนานวังหน้า จากพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวถึงการใช้พื้นที่บริเวณนี้ ในช่วงสมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพื้นที่ตรวจแถวทหารประจำวัง และโรงทหาร อีกทั้งยังปรากฏในแผนที่ช่วงสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2430 และแผนที่ช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พ.ศ.2461 ว่าเป็นที่ตั้งของอาคารโรงทหาร
นายเอนก กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบตำแหน่งของการขุดพบกลุ่มปืนใหญ่ขนาดต่างๆ พร้อมลูกกระสุนปืนนั้น พบว่า อยู่ด้านนอกของส่วนฐานรากอาคาร ที่สันนิษฐานว่าเป็นโรงทหาร มีการวางกองกันไว้อย่างไม่เป็นระเบียบ มีลักษณะเป็นปืนใหญ่ที่มีขนาดกระบอกปืนเล็ก บางกระบอกเป็นปืนประเภทปืนหลังช้าง หล่อด้วยสำริด และเหล็ก ขนาดกระบอกยาว ประมาณ 75-100 เซนติเมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางปากกระบอกปืน ประมาณ 10-15 เซนติเมตร ลักษณะการยิงใช้ดินปืนเป็นตัวขับเคลื่อนลูกกระสุนปืน (ลูกเหล็กกลม) ใส่ลูกกระสุนปืนจากปากกระบอก แล้วจุดชนวนเพื่อให้ดินปืนขับลูกกระสุนออกไปตามเป้าหมาย ทั้งนี้ปืนใหญ่ดังกล่าวปรากฏมีการใช้ทั้งยุโรป และเอเชีย เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 19-20 และมีการพัฒนาศักยภาพการใช้งานอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทยเริ่มมีการซื้อปืนใหญ่จากตะวันตก มาใช้ในการทหารนับตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ 

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามได้มีการสันนิษฐานว่า ปืนใหญ่ที่ค้นพบ อาจเป็นปืนที่ปลดประจำการแล้วและไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อเนื่องถึงสมัยกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ และเมื่อเปลี่ยนสภาพโรงทหาร ในสมัยรัชกาลที่ 5 ภายหลังทรงโปรดเกล้าให้ยกเลิกตำแหน่งพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เมื่อปี 2429 อาคารโรงทหารดังกล่าวจึงเป็นส่วนแรกที่ถูกรื้อถอน พร้อมกับส่วนป้อมและกำแพงวัง ขณะที่อาวุธที่ไม่ได้ใช้งานเหล่านี้จึงถูกนำมากองไว้นอกอาคาร อย่างไรก็ตามภายหลังการตรวจสอบปืนใหญ่ที่พบแล้ว ทางกรมศิลปากร จึงได้นำบางส่วนไปขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ และให้ทางกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ดำเนินการอนุรักษ์ เพื่อใช้ประโยชน์ทางวิชาการ จากนั้นนำไปเก็บไว้ที่คลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และจะนำมาจัดแสดงเพื่อเป็นองค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์แก่ประชาชนในโอกาสต่อๆ ไป 

“จากการขุดค้นในพื้นที่ดังกล่าว ยังได้พบสิ่งก่อสร้างด้วยอิฐสอปูน สร้างซ้อนทับกัน ซึ่งสอดคล้องกับตำแหน่งสันนิษฐานในการสำรวจข้อมูลสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ และการสำรวจทางธรณีวิทยาโบราณคดี สิ่งก่อสร้างด้วยอิฐนี้มีลักษณะเป็นส่วนฐานอาคาร ถนน รางระบายน้ำ ฯลฯ สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นอาคารโรงทหารที่มีการสร้างซ้อนทับกันหลายสมัย ทั้งยังพบหลักฐานทางโบราณคดีประเภทลูกกระสุนปืน เกือกม้า ฯลฯ อีกทั้งได้มีการสังเกตว่าสิ่งก่อสร้างดังกล่าวมีการรบกวนด้วยการขุดปรับพื้นที่เพื่อใช้ในกิจกรรมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในการสร้างเวทีสังคีตศาลา เมื่อปี 2505 เป็นต้นมา” นายเอนก กล่าว

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปชป.เดินเกมต้าน'นิรโทษฯ'สุดซอย เปิดทาง กก.บห.ลาออกนำม็อบ


ปชป.เดินเกมต้าน "นิรโทษฯ" สุดซอย เปิดทางกรรมการบริหาร-รองหัวหน้าลาออกนำม็อบ นัดชุมนุมหน้าสถานีรถไฟสามเสน เย็นนี้ อุบ! เคลื่อนพลปิดล้อมสภาฯ เบรกประชุมพรุ่งนี้...
วันที่ 30 ต.ค. 56 นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่า พรรคประชาธิปัตย์พร้อมนำมวลชน ออกมาต่อต้านรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ยินยอมรับฟังเสียงประชาชน และดึงดันที่จะผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย ให้ได้ โดยหลังจากการประกาศลาออกจากรองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ของนายกรณ์ จาติกวณิช นายถาวร เสนเนียม นายอิสระ สมชัย และนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เพื่อตัดปัญหาข้อกฎหมาย ที่อาจถูกโยงไปถึงกรณียุบพรรคแล้ว ก็จะมีการชุมนุมกันที่สถานีรถไฟสามเสน ในช่วงตั้งแต่เย็นวันนี้ และดูจำนวนมวลชนที่จะออกมาร่วมเสียก่อน
ส่วนวันพรุ่งนี้ (31 ต.ค.) จะมีการตัดสินใจนำมวลชนไปปิดล้อมรัฐสภาเพื่อไม่ให้เกิดการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวาระ 2 และ 3 หรือไม่ อาจจะมีการไปรวมตัวกับกลุ่มม็อบที่แยกอุรุพงษ์ (คปท.) หรือไม่ ส่วนตัวเชื่อว่า สถานการณ์ไม่น่าไปถึงจุดนั้น เพราะพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แต่ยืนยันว่า การพัฒนาของกลุ่มผู้ชุมนุม จะต้องเป็นขั้นเป็นตอนต่อไปในอนาคต
อย่าง ไรก็ตาม หากถามว่ามีความเป็นห่วงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง เพื่อถกรับมือสารพัดม็อบที่เกิดอยู่ในขณะนี้ และอาจมีการขยายพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หรือไม่นั้น นายบุญยอด กล่าวว่า การเป็นนักการเมืองก็ต้องมีการคำนึงถึงผลที่จะติดตามมา หากมีการขยายพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จริง ก็ต้องถามว่า แล้วมันสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ เพราะม็อบก็อาจขยับออกไปชุมนุมนอกพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ได้อีกอยู่ดี นั่นจึงไม่น่าเป็นวิธีแก้ปัญหา วิธีแก้ปัญหาที่แท้จริงคือ รัฐบาลต้องรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน หยุดพยายามผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อวัตถุประสงค์เดียว คือช่วยเหลือญาติพี่น้องตัวเอง
ขณะ ที่ช่วงเช้าที่ผ่านมา บริเวณหน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.7) รัฐสภา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.ปชป. ได้นำ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงประกาศจุดยืนต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อย่างเต็มที่.

รองเท้าผ้าใบ

ปูผวาเป่านกหวีด! เรียกถกฝ่ายความมั่นคงรับมือ


นายกรัฐมนตรี เรียกฝ่ายความมั่นคง รายงานสถานการณ์การชุมนุมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ด้านสุภรณ์ เผย ส.ส.ปชป. ใน กทม.เตรียมระดมมวลชน เขตละ 1 พันคน ร่วมชุมนุม คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 31 ตุลาคมนี้

วันนี้ (30 ต.ค.56) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีเรียกฝ่ายความมั่นคง ประกอบด้วย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สฤษดิ์ชัย เอนกเวียง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เข้ารายงานสถานการณ์ การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้ ทั้งการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) บริเวณแยกอุรุพงษ์ การชุมนุมของชาวเกษตรกรสวนยางพาราที่ อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ การชุมนุมกรณีปราสาทพระวิหารของกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ รวมถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ประกาศจะนำการชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีภารกิจในการหารือร่วมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ในการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจในรอบเดือนที่ผ่านมา โดยมีสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เข้ารายงานภาวะเศรษฐกิจ

ด้าน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ระบุถึงการชุมนุมในขณะนี้ โดยเฉพาะการประกาศชุมนุมของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เพื่อคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะเข้าสู่วาระ 2 และ 3 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า เบื้องต้นจากรายงานข่าวทราบว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในแต่ละเขต กทม.จะระดมมวลชน เขตละ 1 พันคน รวมถึงในต่างจังหวัด อีก 1 - 2 พันคน เพื่อมาร่วมชุมนุมคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่เห็นว่าการชุมนุมจะต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยรัฐบาลก็จะดูแลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเขตที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ทั้งนี้ ไม่มีการสกัดคนให้ร่วมชุมนุม เพราะถือเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่จำเป็นที่จะต้องตรวจตราอาวุธอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง
นาย สุภรณ์ ยังระบุว่า นายกรัฐมนตรี ให้ยึดหลักกรอบเจรจาในการพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมยืนยัน กลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่ออกมาชุมนุมต้านกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านนิรโทษกรรม พร้อมเชื่อว่า กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะไม่เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มผู้ค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะหากเข้าร่วม ส่วนตัวมองว่าการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นการแอบอ้างเป็นเกษตรกรนั่นเอง

พล.ต.อ.ประชา โยนฝ่ายมั่นคงพิจารณาขยาย พ.ร.บ.มั่นคง

พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ระบุภายหลังเข้ารายงานสถานการณ์การชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ ต่อนายกฯ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาขยายการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยให้ฝ่ายความมั่นคง ศอ.รส.และ สตช.เป็นผู้ประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ขณะที่ไม่ห่วงว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วาระ 2 ในวันพรุ่งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะระดมคนมาชุมนุมใหญ่ จะปิดล้อมรอบอาคารสภาหรือไม่ ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิที่สามารถชุมนุมตามรัฐธรรมนูญได้ รัฐบาลไม่ได้ลิดรอนสิทธิใดๆ แต่ขอให้ชุมนุมตามกรอบของกฎหมายและอย่าให้เกิดความวุ่นวายรุนแรง
นอก จากนี้รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ไม่กังวลถึงการชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางที่ชุมนุมอยู่บริเวณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากมีผู้ว่าราชการจังหวัด คอยติดตามสถานการณ์และเจรจากับผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง

รองเท้าผ้าใบ

'เดลล์'ปิดดีลขายกิจการ 2.49หมื่นล.ดอลลาร์ กลับเป็นบ.เอกชน


เดลล์ ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ชื่อดัง บรรลุข้อตกลงขายกิจการให้แก่อดีตผู้ก่อตั้งบริษัทแล้วเมื่อวันอังคาร ทำให้เดลล์กลายเป็นบริษัทเอกชนอีกครั้ง...
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ว่า 'เดลล์' บริษัทมหาชนผู้ผลิตฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ชื่อดัง บรรลุข้อตกลงขายกิจการให้แก่ ไมเคิล เอส. เดลล์ ผู้ก่อตั้งบริษัทและบริษัทลงทุน 'ซิลเวอร์ เลค' ซึ่งยอมจ่ายเงินซื้อหุ้นทั้งหมดด้วยเงินสด ในราคา 2.49 หมื่นล้านดอลาร์สหรัฐ (ราว 7.73 แสนล้านบาท) เพื่อให้เดลล์กลับเป็นบริษัทเอกชนอีกครั้ง
เดลล์บรรลุข้อตกลงขาย กิจการ หลังจากได้รับการอนุมัติจากบรรดาผู้ถือเมื่อเดือน ก.ย. ซึ่งหมายความว่าตอนนี้เดลล์กลายเป็นบริษัทเอกชน และหุ้นของเดลล์จะถูกถอดออกจากบัญชีของตลาดหุ้นสหรัฐฯในเวลา 24:00น. วันอังคารตามเวลาสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ ข้อตกลงดังกล่าวเคยถูกต่อต้านอย่างหนักจาก คาร์ล ซี.ไอคาน นักลงทุนชื่อดังเจ้าของฉายานักล่าบริษัท ซึ่งบอกว่าเงินที่ ไมเคิล เดลล์ และ ซิลเวอร์ เลค เสนอนั้นน้อยเกินไป ทำให้นายเดลล์ยอมตกลงเพิ่มราคาซื้อต่อหุ้นขึ้นมาอยู่ที่หุ้นละ 13.88 ดอลลาร์สหรัฐ
อนึ่ง หลังจากนี้้เดลล์จะต้องพยายามอย่างหนักในการคืนชีพบริษัท ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ แต่ตอนนี้ต้องประสบปัญหายอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลลดลงอย่างมาก เนื่องจากการมาของอุปกรณ์มือถืออย่างสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต 'ไอแพด'
อย่าง ไรก็ตาม ไมเคิล เดลล์ เชื่อว่า บริษัทนี้มีรากฐานสำหรับยุทธศาสตร์ใหม่ๆอยู่แล้ว เช่นการมุ่งเน้นไปที่บริการสำหรับลูกค้าทางธุรกิจ ซึ่งจะขยายกว้างขึ้นหลังจาอบริษัทกลับมาเป็นเอกชน ที่ห่างไกลจากการจับจ้องของนักวิเคราะห์และนักลงทุนสาธารณะ

รองเท้าผ้าใบ

แฮกเกอร์ซีเรียโอ่เจาะทวิตเตอร์-เฟซบุ๊กโอบามา


กลุ่มแฮกเกอร์ของซีเรีย อ้างว่าได้เจาะเข้าควบคุมทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าสหรัฐฯแอบดังฟังโทรศัพท์ชาติพันธมิตร...
ความ คืบหน้าโครงการสอดแนมพลเรือนทั่วโลกของสหรัฐฯที่ถูกเปิดเผยข้อมูลออกมาต่อ เนื่องจนลุกลามมีเหล่าผู้นำโลก 35 คน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิลของเยอรมนีถูกดักฟังโทรศัพท์ด้วยนั้น
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าเมื่อวันที่ 28 ต.ค.ว่า ทำเนียบขาวได้รับความกดดันมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อให้อธิบายการเก็บรวบรวมข้อมูล ข่าวกรองของสหรัฐฯ  รวมทั้งการที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐฯ เหมือนจะไม่รู้ขอบเขตของปฏิบัติการ ส่วน พล.อ.คีธ อเล็กซานเดอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ เตรียมเข้าชี้แจงกรรมาธิการข่าวกรองสภาผู้แทนฯสหรัฐฯช่วงบ่ายวันที่ 29 ต.ค.
ด้าน โอบามา ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ช่องเอบีซี ระบุว่าปฏิบัติการด้านความมั่นคงแห่งชาติกำลังได้รับการประเมินเพื่อให้มั่น ใจว่าจะสามารถควบคุมการทำงานของเอ็นเอสเอได้ เพราะหลายปีที่ผ่านมา พบว่ากรอบการทำงานของเอ็นเอสเอได้พัฒนาและขยายขอบเขตต่อเนื่อง ตนจึงสั่งให้ทบทวนขอบเขตการทำงานให้ชัดว่าทำอะไรตรงไหนได้บ้าง
ขณะ เดียวกัน เจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่ารัฐบาลสหรัฐฯยอมรับว่ามีความจำเป็นที่ต้องเพิ่ม เงื่อนไขหรือข้อจำกัดเรื่องวิธีเก็บรวบรวมและใช้ข่าวกรอง แต่ทั้งนายคาร์นีย์และโอบามาไม่ได้กล่าวถึงกรณีเฉพาะเจาะจงที่สหรัฐฯลอบ ดักฟังกลุ่มชาติพันธมิตร ด้านแหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯกำลังพิจารณายุติการสอดแนม เหล่าผู้นำประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ แต่ต้องรอผลตรวจสอบภายในเพื่อการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
วันเดียวกัน กลุ่มนักเจาะข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือแฮกเกอร์ชื่อ “ซีเรียน อิเล็กทรอนิคส์ อาร์มี” (เอสอีเอ) ที่เคลื่อนไหวสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย ซึ่งเคยเจาะระบบบัญชีผู้ใช้ทวิตเตอร์ของสื่อหลายสำนักรวมทั้ง นสพ.นิวยอร์ก ไทม์สและสำนักข่าวเอเอฟพี อ้างว่าได้เจาะระบบเข้าควบคุมบัญชีเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กของโอบามา รวมทั้งบัญชีอีเมล์ “จีเมล” และหน้าเพจเว็บไซต์ของทีมหาเสียงของโอบามา
แต่โฆษกทวิตเตอร์เผยว่า บัญชีทวิตเตอร์ของโอบามาไม่ได้ถูกเจาะและควบคุม อีกทั้งยังพบว่าหลังเอสอีเอออกมาอ้างเรื่องดังกล่าว บัญชีทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กของโอบามายังใช้งานเป็นปกติ.

รองเท้าผ้าใบ

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อึ้ง! คลิปเสียดสีต้านผู้หญิงซาอุฯขอขับรถ

 
อึ้ง! หนุ่มซาอุดีอาระเบียทำคลิปเสียดสี จิกกัด การรณรงค์ขอสิทธิสตรีในการขับรถในประเทศ กระหึ่มยูทูบ...
วันนี้ (29 ต.ค. 56) สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ภายหลังผู้หญิงในประเทศซาอุดีอาระเบีย กำลังเดินหน้ารณรงค์เรียกร้องให้สตรีในประเทศมีสิทธิในการขับรถ ล่าสุด ได้ปรากฏมีคลิปวิดีโอเพลงหนึ่งในเว็บไซต์ยูทูบ กำลังได้รับความนิยมมากในซาอุฯ โดยคลิปวิดีโอดังกล่าว มีเนื้อหาล้อเลียนรัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงในประเทศขับรถ
ทั้งนี้ คลิปดังกล่าว ชื่อว่า "No woman, No Drive" ซึ่งตั้งล้อกับชื่อเพลง "No woman No cry" ของ บ็อบ มาร์เลย์ นักดนตรีชาวจาเมกา ซึ่งมีชื่อเสียงระดับตำนานในแวดวงดนตรีแนวเร็กเก้ โดยในคลิปดังกล่าว ปรากฏชายชาวซาอุดีอาระเบีย แต่งกายในชุดแบบชาวมุสลิมขนานแท้ โดยร้องเพลงที่มีเนื้อหา ขอร้องไม่ให้ผู้หญิงขับรถ โดยมีเนื้อหาในเชิงเสียดสีว่า พวกผู้หญิงควรที่จะเลิกขับรถ แล้วนั่งอยู่ข้างหลังคนขับเถอะ เพื่อความปลอดภัยของรังไข่ ถ้าพวกคุณไม่ขับรถ รังไข่ของพวกคุณก็จะปลอดภัยดี เพื่อที่จะได้สามารถผลิตประชากรได้มากขึ้น
คำแปล เพลง "No woman, No Drive"
อย่า เลย พวกผู้หญิง อย่ามาขับรถเลย! 
ผมจำได้ดีว่า คุณเคยนั่งรถกับครอบครัว และนั่งอยู่ข้างหลังคนขับ
 ดังนั้น รังไข่ของพวกคุณปลอดภัยและยังใช้การได้ คุณก็เลยมีลูกได้มากมาย 
เพื่อนที่ดีของพวกเรา
 ในอนาคตที่แสนจะสดใสนี้ คุณไม่สามารถจะลืมอดีตของคุณได้ 
ดังนั้น ช่วยเอากุญแจรถไปไว้ห่างๆ ตัวเลย 
โปรดเถอะผู้หญิง อย่าขับรถเลย 
อย่าขับรถเลย 
เฮ้ น้องสาวทั้งหลาย อย่าไปจับต้องยวดยานพาหนะเลย 
อย่า อย่าขับรถเลย สาวๆ 
ผมจำได้ว่าคุณเคยนั่งรถข้างหลังคนขับ
 แน่นอนว่าคนขับสามารถพาคุณไปได้ทุกที่ 
เพราะว่าขนาดระดับราชินี เค้าก็ไม่ขับรถกันหรอก!! 
แต่คุณน่ะ สามารถทำอาหารให้ผมกินได้นะ 
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมแบ่งปันให้คุณได้ 
อ้อ…แล้วก็เท้าของคุณน่ะ เป็นพาหนะที่ควรใช้เท่านั้นแหละ 
แล้วทุกอย่างจะปลอดภัย 
เฮ้ น้องสาว อย่า อย่าขับรถเลย อย่าขับรถเลย
ล่าสุด คลิปดังกล่าวมียอดวิว 4,771,884 ยอด like ยอด 

64,520 ยอด dislike 13,177

ส.ว.จวก'จำนำข้าว'ห่วง ทำเศรษฐกิจไทย พังทั้งระบบ


ส.ว. จวกจำนำข้าว ห่วงทำเศรษฐกิจไทย พังทั้งระบบ ด้าน “คำนูณ” แนะ รัฐควรลดปริมาณลง และนำงบฯขาดทุน 1 แสนล้านมาทำวิจัย เพิ่มมูลค่าการผลิต

วัน ที่ 28 ต.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริง หรือ ชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161

โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นำครม. มารับฟังการอภิปราย โดยมี ส.ว. แจ้งความประสงค์ ขออภิปรายจำนวน 50 คน โดยให้เวลาคนละ 10 นาที ทั้งนี้ ตลอดทั้งวันมี ส.ว.อภิปรายในประเด็นต่างๆ อย่างกว้างขวาง อาทิ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา ในฐานะผู้เสนอญัตติอภิปรายว่า รัฐบาลใช้เงินรับจำนำข้าวไม่รวมค่าบริหาร จัดการประมาณ 4.6 แสนล้านบาท ขายข้าวได้ 1.1 แสนล้านบาท ลงทุนโครงการนี้ประมาณ 6 แสนล้านบาท ทำให้ขาดทุน 5 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ ตรวจสอบพบว่า บริษัทที่รับมอบหมายให้จำหน่ายข้าวถุง มี 3 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัท สยามรักษ์ จำกัด 2.บริษัทคอนไซน์ เทรดดิ้ง จำกัด และ 3.บริษัท ร่มทอง จำกัด แต่ทั้ง 3 บริษัทไม่มีความรู้การค้าขายข้าวมาก่อน ไม่ทราบว่า ทำไมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ไม่ดูแลเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ถ้าไม่ปรับปรุงจะทำความเสียหาย ให้โครงการรับจำนำข้าว และปีหน้า จะมีหนี้ไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท และอาจจะถึง 8 แสนล้านบาท และ 1 ล้านล้านบาทในปีต่อๆ ไป หากรัฐบาลยังไม่ทบทวนโครงการนี้ระบบเศรษฐกิจไทยจะพังทั้งระบบ

ด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า นโยบายจำนำข้าว สร้างภาระหนี้สาธารณะให้ประเทศเพิ่มขึ้นทุกปี ถือว่า เป็นบาป 3 ประการ หรือ บาปยกกำลัง 3 ได้แก่ บาปที่ 1 คือ การเกิดการทุจริตในทุกขั้นตอนของการดำเนินการ บาปที่ 2 การทุจริตในการทำลายข้าวไทย ทั้งด้านคุณภาพ และกลไกการตลาด และบาปที่ 3 เป็นการทุจริต ที่อ้างทฤษฎีปฏิวัติสังคม มากล่าวอย่างน่าละอาย ด้วยการอ้างว่า ชาวนาได้ประโยชน์ จึงอยากให้รัฐบาลเดินหน้าด้วยความกล้าหาญว่า จะปรับลดปริมาณรับจำนำข้าว

ทั้ง นี้ ไม่มีใครปฏิเสธนโยบายประชานิยม แต่ควรใช้ภายใต้ระยะเวลาจำกัด เพื่อเยียวยาอาการเบื้องต้นเท่านั้น ทางกลับกัน หากยังใช้นโยบายประชานิยมต่อไป จะมีผลให้ปัญหาเรื้อรัง ทำไมรัฐบาลไม่เอาเงินที่ขาดทุนปีละ 1 แสนล้านบาท มาพัฒนาเพิ่มมูลค่าการผลิต หรือการส่งเสริมการวิจัยข้าวทั้งระบบ เพื่อให้กลับสู่กลไกตลาดได้เร็ว รวมทั้งการสร้างโครงสร้างป้องกันการทุจริตทุกขั้นตอน

รองเท้าผ้าใบ

นปช.ย้ำจุดยืนเดิม ไม่เอา'นิรโทษฯ'สุดซอย ชี้'เซตซีโร่'ทำไม่ได้


แกนนำ นปช. ยันจุดยืนเดิม คนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่เอา "นิรโทษกรรมสุดซอย" ขอพรรคเพื่อไทยทบทวน ชี้ "เซตซีโร่" เอา "ทักษิณ" กลับบ้าน คิดได้ แต่ทำไม่ได้ เพราะยังมีคดีความค้างลำกล้องอยู่...
วันที่ 28 ต.ค. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมงาน นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ธิดา ถาวรเศรษฐ ยืนยันในจุดยืนเดิมของกลุ่ม นปช. ว่ายังสนับสนุนร่างนิรโทษกรรมฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เพราะเป็นการนิรโทษกรรมให้ประชาชนจริงๆ แต่ไม่ใช่ความขัดแย้ง หรือตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ เพราะยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยเน้นนิรโทษกรรมเป็นหลัก
ทั้งนี้ ต่างจาก นปช. เน้นแก้ไขรัฐธรรมนูญและขจัดผลพวงจากรัฐประหารเป็นหลัก จึงต้องการนิรโทษกรรมโดยสนับสนุนฉบับนายวรชัย นิรโทษกรรมให้ประชาชน โดยไม่รวมคู่ขัดแย้งที่เป็นแกนนำ หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐ จุดยืนเราไม่มีสิทธิเปลี่ยน แม้พรรคเพื่อไทย (พท.) จะเปลี่ยนกลับไปกลับมากี่ครั้ง เราก็ยังยืนยันเหมือนเดิมคือ นิรโทษฯ ประชาชน แม้คนเสื้อแดงจะรัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และต้องการให้กลับมา แต่การนิรโทษกรรมต้องมีหลักการ
โดยความคิดบางคน อยากจะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ อาจเป็นหมัน ต้องอย่าลืมว่า มีคดีมากมาย 10 กว่าคดี และหมายจับอีกมาก คำถามคือ พวกเขาได้คิดปัญหานี้หรือเปล่า คิดจะพากลับมา แล้วพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันว่าเป็นแบบไหน เรามองปัจจุบันเป็นสนามรบมากกว่า เพราะมีหลุมพรางและกับระเบิดเต็มไปหมด ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการปรองดอง แต่ต้องการสิ่งที่ถูกต้องและเป็นการปรองดองที่แท้จริง ถ้าไม่ผ่านกระบวนการที่ทำให้ความจริงปรากฏแล้ว จะให้เกิดการฆ่าประชาชนซ้ำซากกลางถนนอีกกี่ครั้ง
"ถามว่าถ้าจะกดปุ่ม เซตซีโร่ ทำได้จริงไหม

 คนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่เอาสุดซอยแน่ เพราะไม่ไว้ใจเครือข่ายระบอบอำมาตย์ ไม่ต้องการให้มีการฆ่ากันอีก และไม่เชื่อเซตซีโร่ในระบอบอำมาตย์ ปฏิกิริยาของคนเสื้อแดง ประชาชน รวมทั้งนักวิชาการเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ต่างคัดค้านทั้งสิ้น

 ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องไปทบทวนว่า คุณยังไม่สามารถเอาชนะศัตรูทางการเมืองได้ คุณหวังจะชนะใจเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า แต่ถ้าสูญเสียมิตรที่เป็นเพื่อนร่วมรบกันมา คุ้มค่าหรือเปล่า" นางธิดา กล่าว
ทั้งนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะประชุมในวันที่ 29 ต.ค.นี้ เพื่อลงมติพรรคยืนยันตามกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม เสียงข้างมากให้นิรโทษกรรมทุกกลุ่ม โดยไม่อนุญาตให้ ส.ส.ฟรีโหวต.

รองเท้าผ้าใบ

เตือนผู้ใช้เน็ตระวังถูกหลอกแจกของฟรีวันฮัลโลวีน


เทรนด์ไมโคร ประกาศเตือนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตระวังถูกหลอกว่าได้ของฟรีในวันฮัลโลวีน "Halloween GET FREE" ผ่านทางเว็บไซต์ยอดนิยมอย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และยูทูบ...

นายรูบี้ ซานโตส นักวิเคราะห์ด้านภัยคุกคาม ศูนย์วิจัยเทรนด์แล็บส์ บริษัท เทรนด์ไมโคร เปิดเผยว่า ในช่วงใกล้เทศกาลวันฮัลโลวีน ทุกคนคงคิดถึงเรื่องเครื่องแต่งกายและลูกอมที่หอมหวาน โดยเหล่าอาชญากรไซเบอร์ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน โดยล่าสุด เทรนด์ไมโครตรวจพบว่า มีการหลอกลวงหลายอย่างที่ใช้ประโยชน์จากเทศกาลฮัลโลวีนที่กำลังจะมาถึง ผ่านทางเว็บไซต์ยอดนิยมอย่างเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และยูทูบ

นัก วิเคราะห์ด้านภัยคุกคาม ศูนย์วิจัยเทรนด์แล็บส์ กล่าวต่อว่า การหลอกลวงที่ตรวจพบได้ใช้ของฟรีรับเทศกาลฮาโลวีนเป็นเหยื่อล่อ นั่นคือ เมื่อมีการค้นหาคำว่า "Halloween GET FREE" ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตก็จะถูกนำไปยังวิดีโอยูทูบที่น่าสงสัย : โดยยูอาร์แอล (URL) ที่โฆษณาในหน้าวิดีโอดังกล่าว จะนำผู้ใช้ไปยังไซต์หลอกลวงที่จะขอให้ผู้ใช้ระบุข้อมูลส่วนตัว รวมถึงที่อยู่อีเมลด้วย นอกจากนี้ เมื่อใช้คำสำคัญ (keyword ) ที่คล้ายกันดังกล่าวบนทวิตเตอร์ ก็จะแสดงสองบัญชีที่น่าสงสัยขึ้นมา โดยแต่ละบัญชีจะแสดงชื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีธีมเป็นวันฮัลโลวีน เพื่อล่อให้ผู้ใช้เข้าเข้าไปดูบัญชีดังกล่าว แต่ละบัญชีจะลงโฆษณาลูกอมฮัลโลวีนแจกฟรีพร้อมกับยูอาร์แอลที่เกี่ยวข้อง สำหรับเข้าไปรับลูกอมดังกล่าว โดยเว็บไซต์ที่โฆษณานั้นจะนำผู้ใช้ไปยังแบบสำรวจลวงแทนที่จะเป็นลูกอม

นาย รูบี้ กล่าวอีกว่า ขณะที่ เฟซบุ๊ก ก็ถือเป็นแหล่งรวมแบบสำรวจลวงที่ใช้ธีมของฮัลโลวีนมาเป็นประโยชน์ด้วยเช่น กัน โดยเทรนด์ไมโครได้สำรวจหน้าเฟซบุ๊กที่โฆษณาลูกอมฮาโลวีนแจกฟรี ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกับทวิตเตอร์ นั่นคือเมื่อต้องการรับลูกอม ผู้ใช้จะต้องคลิกลิงก์บนหน้านั้นก่อน และเหมือนกับการหลอกลวงอื่นๆ เมื่อคลิกลิงก์แล้ว ผู้ใช้ก็จะถูกนำไปยังไซต์แบบสำรวจ แต่มีข้อสังเกตตรงที่ผู้ใช้จะถูกนำไปยังหน้าเดียวกับที่เคยใช้ในการหลอกลวง ผ่านยูทูบตามที่ได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ และเพื่อล่อให้ผู้ใช้ตายใจมากขึ้น เว็บไซต์ดังกล่าวก็จะให้สัญญาว่าพร้อมจะมอบผลิตภัณฑ์แอปเปิลให้เพื่อแลกกับ การทำแบบสำรวจให้เสร็จ

แม้ว่าของฟรีออนไลน์จะดูยั่วยวน แต่ผู้ใช้ควรระวังเสมอเมื่อพบกับโปรโมชั่น หรือดีล ในลักษณะนี้ เนื่องจากอาชญากรไซเบอร์พร้อมให้สัญญาทุกอย่างเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนต้อง การ และเมื่อพบกับดีลที่ดูดีจนเกินจริง ผู้ใช้ควรให้การระมัดระวังเป็นพิเศษและคิดเสมอว่า ดีลนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องจริง ทั้งนี้ บริษัท เทรนด์ ไมโคร พร้อมให้การปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามในลักษณะนี้แล้ว ด้วยการบล็อกเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงเหล่านี้ และเทรนด์ไมโครยังเดินหน้าค้นหาภัยคุกคามที่เกี่ยวข้อง และที่มีลักษณะ คล้ายคลึงกันเพื่อทำการบล็อกตามความเหมาะสมด้วย.

รองเท้าผ้าใบ

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

'ลูว์ รีด' ตำนานร็อกอเมริกัน เสียชีวิตแล้วในวัย 71 ปี


"ลูว์ รีด" อดีตนักร้องนำวง เวลเว็ต อันเดอร์กราวด์ เสียชีวิตแล้วขณะอายุ 71 ปี จากอาการป่วยที่ตับเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ หลังป่วยมานานหลายเดือน...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ว่า "ลูว์ รีด" หรือชื่อจริงคือ ลิวอิส อัลเลน รีด ตำนานนักร้องนักดนตรีชาวอเมริกัน และอดีตนักร้องนำวง "เวลเว็ต อันเดอร์กราวด์" (Velvet Underground) ยุคทศวรรษ 1960 เสียชีวิตแล้วในวัย 71 ปี ที่บ้านของเขาที่ลอง ไอซ์แลนด์ ในนิวยอร์ก เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 ต.ค.) ด้วยอาการป่วยที่เกี่ยวข้องกับตับ หลังประสบปัญหาสุขภาพมานานหลายเดือน
ทั้ง นี้ รีด เจ้าของงานเพลง ซึ่งเป็นที่รู้จักมากมาย เช่น 'Perfect Day' และ 'Walk on the Wild Side' ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักร้องและนักแต่งเพลงที่มีอิทธิพลที่สุดในวง การเพลงร็อก ขณะที่วง เวลเว็ต อันเดอร์กราวด์ ของเขา แม้ไม่เคยประสบความสำเร็จในด้านรางวัล แต่ก็เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง จากการผสมผสานศิลปะและดนตรี รวมถึงการร่วมมือกับ แอนดีย์ วอร์ฮอล ศิลปินป๊อปอาร์ตชื่อก้องโลกด้วย

หลัง ข่าวการเสียชีวิตของรีดถูกเปิดเผยออกมา บรรดาเพื่อนและคนในวงการเพลงมากมายต่างออกมาแสดงความเสียใจ เช่น จอห์น เคล อดีตเพื่อนร่วมวง เวลเว็ต อันเดอร์กราวด์ ที่เขียนผ่านเว็บไซต์ของตัวเองว่า "โลกได้สูญเสียนักแต่งเพลงและกวีชั้นยอด ส่วนผมได้สูญเสียคู่หูไป" ด้าน อิกกี ป็อป ผู้เคยมีฉายาว่า "เจ้าพ่อแห่งพังก์" ก็ออกมากล่าวว่า นี่เป็นข่าวที่น่าเศร้าใจมาก
โดย รีด ยอมรับว่า ตนเองเป็นคนดื่มสุรามาก รวมถึงมีการใช้สารเสพติดมานานหลายปี และเขาเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนตับเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากประสบภาวะตับวาย.

รองเท้าผ้าใบ

ฟันธง! ราคายาง เข้าภาวะปกติกลางปีหน้า


ก.เกษตรฯ ยันไม่แทรกแซงราคายาง ย้ำทำกลไกตลาดบิดเบือน ผลกระทบราคายางตกต่ำกว่าเดิม เดินหน้าจ่ายปัจจัยการผลิต เชื่อกลางปีหน้าแก้ปัญหาราคายางได้เบ็ดเสร็จ...

เมื่อวันที่ 28 ต.ค.56 นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงกรณีภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ เรียกร้องให้รัฐบาลชดเชยราคายางพาราในราคากิโลกรัมละ 100 บาท และชดเชยปาล์มน้ำมันในราคา 6 บาทต่อกิโลกรัม ว่า รัฐบาลยืนยันคงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง โดยจ่ายเงินเป็นค่าปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรโดยตรงเหมือนเดิม พร้อมยืนยันว่าไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงกลไกตลาดโดยรับซื้อยางจากเกษตรกรใน ราคาที่ 100 บาทต่อกิโลกรัม ตามข้อเรียกร้องของเกษตรกรได้ เพราะถือเป็นการบิดเบือนกลไกตลาด และจะยิ่งส่งผลให้ราคายางตกต่ำมากขึ้น

ทั้ง นี้ นอกจากมาตรการช่วยเหลือเฉพาะหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบพื้นที่ปลูกยางของเกษตรกรเพื่อ จ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางแล้ว ยังมอบหมายให้หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ชี้แจงทำความเข้าใจและให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับเกษตรกรในพื้นที่ให้เข้าใจถึง กลไกของราคายางที่แท้จริงอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

สำหรับความคืบ หน้ามาตรการที่รัฐจะเข้าไปสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนวงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท ให้แก่สถาบันเกษตรกรที่มีศักยภาพได้ใช้ประโยชน์จากโรงงานแปรรูปที่มีการ สร้างไว้แล้วหรือลงทุนจัดสร้างโรงงานใหม่ และรับซื้อผลผลิตยางจากเกษตรกรโดยตรง ทำให้ราคายางในประเทศมีระดับราคาที่สูงขึ้น  ขณะนี้กรมส่งเสริมสหกรณ์อยู่ระหว่างสรุปข้อมูลสหกรณ์แปรรูปยาง และเตรียมเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการ เกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะใช้วงเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมปลายน้ำ เช่น  โรงงานผลิตยางแท่ง ยางแผ่น โรงผลิตน้ำยางข้น เพื่อป้อนโรงงานผลิตถุงมือยาง

ขณะเดียว กัน ในส่วนของอุตสาหกรรมปลายน้ำ ซึ่งธนาคารออมสินจะเข้ามาดำเนินการสนับสนุนสินเชื่อให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรม ก็มีความคืบหน้าแล้วเช่นกัน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมรายใหญ่ได้มีการประชุม เพื่อเสนอโครงการสนับสนุนการขยายกำลังการผลิตและการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร การผลิต ในวงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาทแล้ว หากการดำเนินการทั้งส่วนที่จะเริ่มมีความชัดเจนภายในกลางปีหน้า จะสามารถช่วยรับซื้อผลผลิตยางในประเทศจากเกษตรกร และเพิ่มปริมาณการใช้ยางภายในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาราคายางที่จะช่วยลดการพึ่งพาราคาตลาดต่างประเทศที่จะ ส่งผลให้ราคายางพารามีเสถียรภาพในระยะยาว.

รองเท้าผ้าใบ

ศาลฎีกายืน คุก6ปี "กลม บางกรวย" คดีหวยล็อกปี44


ศาลฎีกาสั่งจำคุก 6 ปี กลม บางกรวย พร้อมพวกรวม 4 คน คดีหวยล็อก เมื่อ ปี 44 ส่วนลูกน้องอีก 1 คุก 2 ปี

วัน ที่ 28 ต.ค.ศาลอาญา รัชดา อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายณรงค์ อุ่นแพทย์ หรือ “กลม บางกรวย” ผู้กว้างขวางใน จังหวัดนนทบุรี กับพวกรวม 5 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และซ่องโจร จากกรณีที่จำเลยได้ร่วมกันแอบอ้างแสดงตนเป็นกรรมการออกสลาก ไปออกสลาก งวดวันที่ 1 มิถุนายน 2544 โดยใช้วิธีการบ้วนสิ่งของลงไปภาชนะเพื่อต้องการให้เลขรางวัลที่ 1 ออกในหมายเลข 113311 ที่กำหนดไว้

โดยคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำ คุก 6 ปี นายสมตระกูล จอบกระโทก จำเลยที่ 1, พันจ่าอากาศเอกกิตติชาติ กุลประดิษฐ์ จำเลยที่ 2, นายณรงค์ อุ่นแพทย์ หรือ “กลม บางกรวย” จำเลยที่ 3 , นายสุริยัน ดวงแก้ว หรือผู้ใหญ่หมึก จำเลยที่ 4 ส่วน นายพิชัย เทพอารักษ์ หรือ ชัย โคกสำโรง จำเลยที่ 5 ศาลพิพากษาให้จำคุกเฉพาะความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์เป็นเวลา 2 ปี และยกฟ้องในความผิดฐานซ่องโจร เนื่องจากโจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าจำเลยร่วมกันฝึกซ้อมการล็อกเลข

ซึ่ง วันนี้มีเพียงนายสมตระกูล จอบกระโทก จำเลยที่ 1 และนายพิชัย เทพอารักษ์ จำเลยที่ 5 เดินทางมาศาล และศาลได้ตรวจสำนวนประชุมแล้วเห็นว่าโจทก์มีพยานเบิกความว่าจำเลยทั้งหมดได้ สมรู้ร่วมคิด และวางแผนกันเป็นลำดับขั้นตอน ซักซ้อม เพื่อล็อกเลขสลาก จึงพิพากว่าจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 4 มีความผิดฐานฉ้อโกงและซ่องโจร จำคุก 6 ปี ส่วนจำเลยที่ 5 ผิดฐานฉ้อโกง จำคุก 2 ปี
ส่วนนายณรงค์ อุ่นแพทย์ หรือกลม บางกรวย จำเลยที่ 3 และ นายสุริยัน ดวงแก้ว จำเลยที่ 4 ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาศาลจึงได้ออกหมายจับเพื่อให้มารับโทษตามคำพิพากษา.

รองเท้าผ้าใบ

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สื่อเมืองเบียร์แฉอีก มะกันดักฟังโทรศัพท์'แมร์เคิล'นาน10ปีแล้ว


'แดร์ ชปีเกิล' นิตยสารข่าวชื่อดังในประเทศเยอรมนีเผย สหรัฐฯอาจดำเนินการดักฟังโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนีมานานกว่า 10 ปีแล้ว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ วันที่ 27 ต.ค. ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลเยอรมนีแสดงท่าทีไม่พอใจต่อสหรัฐฯ หลังจากนิตยสาร แดร์ ชปีเกิล รายงานกล่าวหา สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) ของสหรัฐฯว่าอาจดักฟังโทรศัพท์ของนางแมร์เคิล ทำให้เยอรมนีเรียกตัวเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงเบอร์ลินเข้าพบเมื่อวัน พฤหัสบดีที่ผ่านมา

ต่อมาในวันเสาร์ แดร์ ชปีเกิล เจ้าเก่ารายงานเพิ่มเติมว่า โทรศัพท์มือถือของนางแมร์เคิลอยู่ในบัญชีรายชื่อของโปรแกรมลับ 'Special Collection Service' (เอสซีเอส) ซึ่งเป็นโครงการดักฟังร่วมระหว่างหน่วยสืบราชการลับกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) และเอ็นเอสเอ มาตั้งแต่ปี 2002 ก่อนที่แมร์เคิลจะได้เป็นนายกฯเสียอีก โดยถูกระบุในชื่อ 'GE Chancellor Merkel' และยังอยู่ในรายชื่อดังกล่าวนานหลายสัปดาห์ก่อนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯจะเดินทางเยือนกรุงเบอร์ลินเมื่อ เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

ขณะ เดียวกัน แดร์ ชปีเกิล ยังอ้างอีกว่าในเอกสารโครงการ เอสซีเอส ที่พวกเขาได้มา ระบุด้วยว่าเอ็นเอสดีมีสาขาของหน่วยข่าวกรองอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายภายใน สถานทูตสหรัฐฯในกรุงเบอร์ลิน ซึ่งจากที่นั่น เจ้าหน้าที่ของเอ็นเอสเอและซีไอเอสามารถดักฟังการสื่อสารในเขตหน่วยงานรัฐ ของกรุงเบอร์ลินได้ และเรื่องนี้อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและ รัฐบาลประเทศอื่นๆ

นอกจากนี้ แดร์ ชปีเกิล ยังรายงานอ้างเอกสารลับซึ่งลงวันที่ในปี 2010 ว่า สหรัฐฯมีสาขาของหน่วยข่าวกรองดังกล่าวประมาณ 80 แห่งทั่วโลก รวมถึงในกรุงปารีส, มาดริด, โรม, ปราก, เจนีวา และ แฟรงค์เฟิร์ต แต่แดร์ ชปีเกิลไม่ระบุอย่างชัดเจนว่า โครงการ เอสซีเอส บันทึกข้อมูลการสนทนา หรือบันถึงเพียงข้อมูลการติดต่อ

อนึ่ง เมื่อวันเสาร์ รัฐบาลเยอรมนีประกาศจะส่งหัวหน้าหน่วยข่าวกรองไปยังสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า เพื่อพูดคุยกับทำเนียบขาวและเอ็นเอสเอ เพื่อขอคำตอบเกี่ยวกับการดักฟังโทรศัพท์ของนายกฯแมร์เคิล.

รองเท้าผ้าใบ

คลังเข้ม จ่อฟันภาษี'เครื่องดื่มชาเขียว'


ปลัดคลังคนใหม่เข้มสั่ง 'เอาแน่' เก็บภาษีเครื่องดื่มชาเขียว ขอปรับโครงสร้างภาษีเสร็จสิ้นก่อน ชี้สัดส่วน'ชาเขียว'ผสมเครื่องดื่มน้อยมาก ฟังไม่ขึ้นข้ออ้างช่วยเกษตรกร...  

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ว่าที่ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังอย่างเป็นทางการ จะเข้ามาดูเรื่องการปรับโครงสร้างภาษี โดยเฉพาะภาษีบางตัวที่ปล่อยไว้นาน และไม่เก็บภาษี เช่น ภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มชาเขียว ที่คิดว่าควรจะจัดเก็บ เพราะเดิมการยกเว้นภาษีชาเขียว เพราะต้องการช่วยเหลือเกษตรกร แต่ปัจจุบันที่ได้ส่งให้องค์การอาหารและยา (อย.) ตรวจ พบว่ามีสัดส่วนของชาเขียวในเครื่องดื่มน้อยมาก ดังนั้น ข้ออ้างของผู้ประกอบการจึงฟังไม่ขึ้นอีกต่อไป โดยจะสรุปให้มีการเก็บภาษีดังกล่าวได้ทันภายในปีงบประมาณ 2557

"ตอนนี้กำลังพิจารณาว่าจะเก็บภาษีเครื่องดื่มชาเขียวที่อัตรา 10% หรือ 20% ของมูลค่า โดยจะต้องหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่คงไม่ต้องหารือกับฝ่ายผู้ประกอบการ เพราะที่ผ่านมาเราปล่อยเรื่องนี้มานานแล้ว ผู้ประกอบการสบายมานาน ซึ่งการเก็บภาษีเครื่องดื่มชาเขียว สามารถออกเป็นประกาศกรมสรรพสามิต ให้สามารถจัดเก็บได้เลย" นายรังสรรค์ กล่าว

นายรังสรรค์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากที่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 7% เป็น 10% หรือไม่นั้น เห็นว่าต้องพิจารณาภาวะเศรษฐกิจให้มีความเหมาะสม โดยที่ผ่านมาเคยมีการศึกษาและเสนอให้มีการเก็บภาษีดังกล่าวเพิ่มขึ้น 1% ส่วนจะเก็บทันทีหรือไม่ต้องหารือกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

อย่างไร ก็ตาม ขณะนี้แม้ว่าจะยังไม่มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ เพราะมีเงินคงคลังอยู่สูงถึง 5 แสนล้านบาท เพราะมีการเบิกจ่ายล่าช้า ทั้งงบลงทุนและงบดำเนินการ

นอก จากนี้ กระทรวงการคลังจะเข้าไปดูการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสิ่งแวดล้อม และภาษีสรรพสามิตสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยจะเข้าไปพิจารณาพร้อมกันและจะสรุปให้ได้ภายในปีงบประมาณ 2557 ทั้งนี้ ยืนยันว่ายังไม่มีแนวคิดในการปรับขึ้นสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของ ประชาชน.

รองเท้าผ้าใบ

แชร์ทั่วโลก ทรมานลูกช้าง ฟันธงเกิดที่อุบลฯ (ชมคลิป)

Link Video : http://youtu.be/Xu_XMalyeJA


โลกออนไลน์ยังรุมด่า 2 ควาญรุมตีลูกช้างต่อเนื่อง ขณะไร้เงาทั้งลูกช้างและควาญ คาดอยู่ระหว่างเดินทางข้ามจังหวัด...
เมื่อ วันที่ 27 ต.ค. ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกรณีมีผู้ใช้นามแฝงว่า wisun polkot ได้เผยแพร่คลิปควาญช้าง กระทำรุนแรงต่อลูกช้าง ผ่านหน้าเว็บไซต์ยูทูบ โดยเนื้อหาระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน จ.หนึ่งของประเทศไทย เกี่ยวกับเรื่องนี้ น.ส.โซไรดา ซาลวาลา เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้าง และผู้ก่อตั้ง รพ.ช้าง แห่งแรกของโลก เปิดเผยว่า ขอประณามผู้นำช้างออกมาเดินเร่ร่อน และทำร้ายลูกช้างอย่างทารุณตามที่ปรากฏในคลิป เผยแพร่ว่อนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กอยู่ในเวลานี้ ซึ่งเป็นภาพที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับช้างไทย ซึ่งเมื่อตนได้เห็นนั้น บอกตามตรงว่ารู้สึกหดหู่ใจต่อการกระทำดังกล่าวเป็นอย่างมาก และถือว่าสร้างความสะเทือนใจต่อผู้ที่รักและอนุรักษ์ช้างไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักอนุรักษ์ช้างในต่างประเทศ ที่ได้พบเห็นคลิปดังกล่าวแล้ว เนื่องจากได้มีการแชร์ไปทั่วโลก

และจากการที่มูลนิธิเพื่อนช้างได้ ออกค้นหาข้อมูล จึงทำให้ทราบว่า เหตุการณ์น่าสลดใจที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นที่ จ.อุบลราชธานี ไม่ได้เกิดขึ้นที่ จ.สุรินทร์ ส่วนความเข้าใจผิดว่า เกิดขึ้นที่ จ.สุรินทร์นั้น เกิดจากการแชร์คลิปต่อๆ กัน จนทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตาม อยากวอนให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเร่งติดตามผู้ที่กระทำทารุณลูกช้างในคลิปดัง กล่าว มาลงโทษโดยเร็วที่สุด

ด้านความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ ภายหลังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าวนั้น พบว่ากลุ่มคนในสังคมโลกออนไลน์ต่างเข้ามาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดัง กล่าวอย่างต่อเนื่อง แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นหลายวันแล้วก็ตาม โดยเฉพาะในหน้าเว็บสังคมออนไลน์ชื่อดัง ต่างมีคนตั้งกระทู้พร้อมแชร์คลิปวิดีโอดังกล่าวอย่างแพร่หลาย จนทำให้ยอดการเข้าชมคลิปวิดีโอดังกล่าวพุ่งสูงถึงเกือบ 4 หมื่นครั้งในเวลาไม่กี่วัน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเรื่องดังกล่าวปรากฏเป็นข่าวแพร่หลายออกไปนั้น ยังไม่มีผู้ใดพบเห็นลูกช้างและควาญทั้งสอง ซึ่งคาดว่าอาจนำลูกช้างออกนอกพื้นที่ไปแล้ว.

รองเท้าผ้าใบ

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

'คนพิการ'จี้ ขสมก.ใส่สิทธิพึงได้ในร่างTOR ซื้อรถใหม่3พันคัน

"คนพิการ" บุก ขสมก. จี้คณะกรรมการทีโออาร์ รถเมล์ 3 พันคัน ทบทวน ระบุสิทธิคนพิการในเนื้อหา ขู่หากเพิกเฉยฟ้องศาลปกครอง...
เมื่อ เวลา 13.00 น. วันที่ 25 ต.ค. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานใหญ่ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ถนนเทียมร่วมมิตร กทม. เครือข่ายกลุ่มผู้พิการ ประมาณ 100 คน นำโดย นายนพ เทพาสิทธิ์ นายกสมาคมผู้พิการจังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือ พร้อมรายชื่อคนพิการ จำนวน 7,500 รายชื่อ ต่อคณะกรรมการพิจารณาร่างขอบเขตงาน (ทีโออาร์) โครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี จำนวน 3,183 คัน โดยมี นายโอภาส เพชรมุณี ผู้อำนวยการ ขสมก. เป็นผู้รับเรื่อง
โดยผู้ พิการกลุ่มดังกล่าวเรียกร้องให้คณะกรรมการทีโออาร์พิจารณาสิทธิของคนพิการ ให้มีทางขึ้นลงในรถเมล์ ทั้ง 3,183 คัน รวมทั้งมีระบบสื่อสารต่อคนตาบอด คนหูหนวก ให้สามารถรับรู้ข้อมูลที่พนักงานบนรถสื่อสารกับคนพิการ โดยขอให้ ขสมก.กำหนดไว้ในทีโออาร์ด้วย แต่ปรากฏว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการทีโออาร์ไม่รับพิจารณา และไม่ตอบรับข้อเสนอดังกล่าว
ทั้ง นี้ เห็นได้จากทีโออาร์ ครั้งที่ 1-4 ยังไม่มีแก้ไขให้มีเรื่องที่กลุ่มผู้พิการเรียกร้อง ซึ่งนายโอภาสได้รับเรื่องไว้ พร้อมแจ้งว่า การประชุมคณะกรรมการทีโออาร์ในวันนี้ (25 ต.ค.) ยังไม่มีเรื่องดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุม แต่ในสัปดาห์หน้า ขสมก.จะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากผู้พิการ ก่อนจะนำข้อเสนอและความคิดเห็น เสนอให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ รมว.คมนาคม พิจารณาต่อไป
อย่างไรก็ ตาม ตัวแทนผู้พิการได้เตรียมยื่นฟ้องเรื่องดังกล่าวต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลปกครองตัดสินว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญหรือ ไม่.

รองเท้าผ้าใบ

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

นายกฯรอ 'ปึ้ง' ถก 'ฮอร์ นัมฮง' ปมเขาพระวิหาร


นายกฯบินโชว์วิสัยทัศน์สร้างอนาคตไทย 2020 ที่ขอนแก่น เผยให้สื่อรอ "สุรพงษ์" ถกปมเขาพระวิหาร กับ "ฮอร์ นัมฮง" ก่อนค่อยเตรียมรับมือ...

เมื่อ เวลา 09.45 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไป จ.ขอนแก่น เพื่อเปิดนิทรรศการ “สร้างอนาคตไทย 2020” ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น และแสดงวิสัยทัศน์ “สร้างอนาคตไทย 2020” การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ จะไปพบกับนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กัมพูชา ในวันที่ 28 ต.ค.เพื่อพูดคุยถึงกลไกระหว่างสองประเทศที่จะใช้ภายหลังจากศาลโลกมีคำ พิพากษาคดีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร และจะมีการแถลงข่าวร่วมกันที่โรงแรมอรัญเมอร์เมด จ.สระแก้วว่า รอให้มีการพูดคุยกันก่อนจะดีกว่า.

รองเท้าผ้าใบ

วิปรัฐบาลส่งสัญญาณเข้ม ไม่เปิดฟรีโหวตฯร่างนิรโทษกรรม


วิปรัฐส่งสัญญาณไม่เปิดฟรีโหวต ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม งัดมติพรรค บีบ ส.ส.ลงคะแนนสนับสนุนร่างกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก อ้างเป็น กม.สำคัญ หวั่นถึงยุบสภาฯ...

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ในวันที่ 28 ต.ค. จะมีการประชุมวิปรัฐบาลหารือเรื่องร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่คณะกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ได้แก้ไขเนื้อหาให้นิรโทษกรรมทุกฝ่าย ซึ่งการลงมติกฎหมายฉบับนี้ จะต้องเป็นมติพรรคให้ ส.ส.ปฏิบัติตาม เพราะเป็นกฎหมายสำคัญ คงไม่ปล่อยให้ฟรีโหวต เท่าที่ทราบพรรคจะให้ยกมือสนับสนุนเนื้อหาตามร่างที่กรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก แก้ไขมา

โดยข้อสรุปเบื้องต้นของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้ แม้จะมี ส.ส.เสื้อแดง ไม่เห็นด้วย กับเนื้อหาที่กรรมาธิการฯ เสียงข้างมากแก้ไข แต่เต็มที่ก็คงใช้วิธีงดออกเสียง คงไม่มีผลกระทบต่อคะแนนเสียงเท่าไร เพราะ ส.ส.เสื้อแดง ก็มีแค่จำนวนไม่มากเท่าใดในพรรค หากปล่อยให้ฟรีโหวต แล้วมี ส.ส.เพื่อไทย เสียงแตกจำนวนมาก ก็จะกระทบไปถึงความเชื่อมั่นของรัฐบาลและพรรค ถ้าเสียงแตกมากๆ อาจถึงขั้นที่ทำให้ต้องยุบสภาได้ เพราะเป็นกฎหมายสำคัญ.

รองเท้าผ้าใบ

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เกือบ5ปี ความทรงจำอันแสนขมขื่น 'ซานติก้าผับ'66ศพ


หลังศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง "เสี่ยขาว" เจ้าของซานติก้าผับ ผู้เสียหายก็ยังยืนยันจะทวงความยุติธรรมต่อในศาลฎีกา ซึ่งเรื่องราวมหากาพย์นี้ ก็ดูท่าจะยืดเยื้อต่อแน่ แม้ว่าซานติก้าฯ จะเหลือแค่ชื่อ...
วันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เป็นเทศกาลที่ทุกคนต่างมีความสุขกับการเฉลิมฉลอง เพื่อส่งท้ายความสุข ความทุกข์ เรื่องราวต่างๆ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา และกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในวันถัดไป ซึ่งเป็นวันปีใหม่ แต่ใครจะไปนึกว่า เทศกาลแห่งความสุขนี้ จะนำมาซึ่งหายนะ สร้างความสูญเสียมหาศาลได้ กลายเป็นสุสานใจกลางเมืองเลยก็ว่าได้
ย้อนกลับไปเมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ที่ "ซานติก้าผับ" สถานบันเทิงหรูหรา ย่านเอกมัย อาคาร 3 ชั้น รูปทรงแปลกตา ที่เป็นที่นิยมของนักท่องราตรีกระเป๋าหนัก ต่างมาร่วมฉลองเลี้ยงส่งท้ายปีเก่ากัน อีกทั้งยังเป็นการส่งท้ายผับแห่งนี้ เนื่องจากเจ้าของจะเลิกกิจการ คืนวันนั้น นักท่องราตรีจึงมีเยอะเป็นพิเศษ วงดนตรีวงต่างๆ ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไปบรรเลงเพลงอย่างเมามัน จนเวลาเกือบเที่ยงคืน ซึ่งเวลานั้น เป็นหน้าที่ของ "วงเบิร์น" นักร้องประจำ ขึ้นไปสร้างความเมามันส์ และเป็นผู้นำในการนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่

พอเวลาเที่ยงคืนพอดีเป๊ะ พลุดอกไม้ไฟที่เตรียมไว้ ก็ถูกจุดขึ้นตัว อักษร HAPPY NEW YEAR ลุกสว่าง และพลุที่วางเรียงรายอยู่หน้าเวทีก็ถูกจุดขึ้นพร้อมกันอย่างสวยงาม โดยไม่มีใครคาดคิดว่า หายนะกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า สะเก็ดดอกไม้ไฟพุ่งขึ้นไปติดเพดาน แต่ทุกคนยังคงสนุกสนาน โดยไม่มีใครเอะใจ  จนนักร้องนำวงนี้ รู้สึกว่ามีสะเก็ดไฟตกใส่ เลยแหงนหน้ามอง ก็เห็นเปลวไฟกำลังลุกไหม้ฝ้าเพดาน
เสียงตะโกนดังขึ้น "ไฟไหม้!!!" เพื่อนร่วมวงรีบเผ่นหนีออกทางประตูหลัง ส่วนนักท่องราตรีก็เริ่มเห็นว่ามีไฟไหม้ ก่อนที่ไฟฟ้าจะดับ และสะเก็ดไปเริ่มตกใส่ตัว ทุกคนต่างพากันแตกตื่น วิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น เบียดเสียดยัดเยียดเหยียบกัน เพราะคืนดังกล่าวมีนักท่องราตรีร่วม 1,000 คนเต็มพื้นที่ ทั้งชั้น 1  ชั้นลอย และชั้นใต้ดินของผับ และส่วนใหญ่ก็อยู่ในอาการเมามาย ไม่มีสติ อีกทั้งประตูทางออกมามีเพียงด้านหน้าและด้านหลังที่พนักงานใช้เข้า-ออก ส่วนหน้าต่างก็ติดเหล็กดัดอย่างแน่นหนา เปลวเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว รุนแรง เสียงกรี๊ด!!! เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังระงม ควันไฟพวยพุ่งออกจากผับ ผู้คนหนีตายชุลมุน โกลาหล

ก่อนที่รถดับเพลิงและรถอาสากู้ภัย กว่า 20 คัน จะถูกระดมมาฉีดน้ำสกัดไฟ และเจ้าหน้าที่ผจญเพลิงได้เข้าไปช่วยเหลือผู้คนที่ติดคาอยู่ข้างใน แต่ก็ช่วยได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะผับมีการออกแบบมาด้วยรูปทรงที่แสนแปลกประหลาด ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเข้าช่วยเหลือ พอเพลิงสงบก็พบว่ามีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเข้าไปค้นหาผู้ที่ตกค้างอยู่ด้านใน และต้องตกตะลึง!! เมื่อพบศพผู้เสียชีวิตนอนทับถมเบียดเสียด ถูกไฟคลอกดำเป็นตอตะโก ก่อนจะลำเลียงร่างออกมารวม 59 ศพ สร้างความหดหู่ใจให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในเวลานั้นยิ่งนัก
ช่วงเช้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งกำลังได้รับตำแหน่งหมาดๆ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตการณ์ด้วยตนเอง พร้อมสั่งการให้ตำรวจดำเนินการอย่างเต็มที่ในการหาคนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ สถานบันเทิงแห่งนี้กลายเป็นเมรุเผาศพขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้ทำสำนวนคดีรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายเรียกหุ้นส่วนของผับนี้มาสอบปากคำ 13 คน และรวบรวมพยานหลักฐาน จนสืบทราบว่าผับแห่งนี้ไม่ได้รับอนุญาตในการประกอบกิจการ ซึ่งระหว่างนั้นยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 66 ศพ

จึงมีคำถามว่า เพราะเหตุใดตำรวจและกรุงเทพมหานคร (กทม.) จึงยอมให้ผับแห่งนี้เปิดได้อย่างไร และมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยทางตำรวจให้เหตุผลว่า ที่จริงแล้ว ผับแห่งนี้ยื่นขออนุญาตเปิดกิจการเมื่อปี 2546 แต่ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลเห็นว่า อยู่ระหว่างการก่อสร้างและอยู่นอกพื้นที่โซนนิ่ง จึงไม่อนุญาตให้เปิดกิจการ แต่ทางเจ้าของผับได้ไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองให้สั่งคุ้มครอง เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2547 จนศาลปกครองออกคำสั่งคุ้มครอง ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2547 เป็นต้นมา ทำให้สำนักงานศาลปกครอง ต้องออกมาชี้แจงตอกหน้าตำรวจว่า หลังจากศาลปกครองออกคำสั่งคุ้มครองแล้ว ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นด้วย จึงเพิกถอนคำสั่งคุ้มครอง สิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.ในปีเดียวกัน และวันที่ 7 มี.ค. 2550 ศาลปกครองกลางได้พิพากษาให้ทางผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ แพ้คดี เพราะผู้ประกอบการยื่นตั้งสถานประกอบการไม่ขัดต่อกฎหมาย อีกทั้งเจ้าของกิจการยื่นก่อนที่ พ.ร.บ.โซนนิ่ง จะออกมาบังคับใช้ และทางตำรวจได้อุทธรณ์ต่อ ซึ่งเรื่องก็อยู่ที่ศาลปกครองสูงสุด ยังไม่ทันได้พิจารณา ก็มาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเสียก่อน ซึ่งเรื่องถูก หรือผิดในการก่อสร้างผิดแบบ ก็เป็นเรื่องของตำรวจและ กทม.
หลังศาลปกครองออกมารูปแบบนี้ ทำเอา กทม.ร้อนหนาวไปตามกัน กับเรื่องการก่อสร้างผิดแบบของผับนี้ จนมีการล้อมคอกครั้งใหญ่ เรียกเจ้าของอาคารกว่า 2,000 ราย ให้รีบยื่นแบบตรวจสอบ และยังทำเอาผู้อำนวยการเขตวัฒนาและผู้อำนวยการเขตปทุมวันอดีตผู้อำนวยการเขต วัฒนา ถูกเด้งเข้ากรุ เซ่นซานติก้าผับไปตามระเบียบ

พนักงานสอบสวนก็ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถออกหมายจับ นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ "เสี่ยขาว" หุ้นส่วนใหญ่ และนายสุริยา ฤทธิ์ระบือ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์แอนด์ บราเธอร์ จำกัด ใน 2 ข้อหา คือ ร่วมกันทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต และข้อหาร่วมกันเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งสถานบริการ ยินยอมและปล่อยปละละเลยให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าในสถานบันเทิง ต่อมา เสี่ยขาวได้เข้ามอบตัวกับ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา แต่ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมขอประกันตัวด้วยเงิน 1,000,000 บาท ออกไปสู้คดี
จากนั้นก็มีการออกหมายจับ "มิว" นักร้องนำ ที่มีพยานระบุว่าเป็นคนจุดดอกไม้ไฟ จนมิวเข้ามอบตัวปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนจุดดอกไม้ไฟตัวต้นเพลิง ส่วนนายสุริยาตำรวจเชื่อว่าหลบหนีไปต่างประเทศ และหลังจากนั้นก็มีเรื่องยาเสพติดและเรื่องการฟอกเงิน กลายเป็นมหากาพย์เรื่องยาว ระหว่างกระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ออกมาโต้ทางตำรวจเรื่องมิว นักร้องนำ ที่ไม่ได้เป็นคนจุดดอกไม้ไฟและเรื่องราวต่างๆ ในรูปคดี แต่ทำไปทำมา จนแล้วจนรอด วันที่ 19 ต.ค. 2552 พนักงานสอบสวนก็ส่งสำนวนคดีเพลิงไหม้ซานติก้าให้อัยการจนได้
โดยพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 กับโจทก์ รวมญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวม 64 คน ฟ้อง นาย วิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ "เสี่ยขาว" กรรมการผู้จัดการบริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ส์ (2003) จำกัด ผู้บริหารซานติก้าผับ, นายธวัชชัย ศรีทุมมา ผอ.ฝ่ายปฏิบัติการ, นายพงษ์เทพ จินดา ผจก.ฝ่ายบันเทิง, นายวุฒิพงศ์ ไวลย์ลิกรี ผจก.ฝ่ายการตลาด, นายสราวุธ อะริยะ นักร้องวงเบิร์น ผู้จุดพลุไฟ, บริษัท โพกัสไลท์ ซาวน์ซิสเต็ม จำกัด ซึ่งรับจ้างติดตั้งการทำเอฟเฟกต์ ซานติก้าผับ และนายบุญชู เหล่าสีนาท กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท โพกัสไลท์ฯ เป็นจำเลยที่ 1-7 ความผิดฐานผู้ใดทำให้เกิดเพลิงไหม้เป็นเหตุให้ผู้อื่น ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและเป็นอันตรายกับชีวิตผู้อื่น, ผู้ใดกระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ผู้ใดกระทำการให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และผู้ใดกระทำการให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ตามประมวลกฎหมาย มาตรา 225, 291, 300, 390 และกระทำผิด พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 มาตรา 16/1, 16/3.27 และ 28/1 ฐานเป็นผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการปล่อยปละละเลยให้บุคคลซึ่งอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปในสถานบริการ และปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานบริการ มาตรา 291 รวม 6 ข้อหา

ระหว่างนั้น เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2552 มีกลุ่มผู้เสียหาย 12 คน ไปยื่นฟ้อง กทม. ต่อศาลปกครองกลาง เนื่องจากละเลยไม่ดำเนินการตรวจสอบและควบคุมอาคารที่เปิดเป็นสถานบริการ ซานติก้าผับ กล่าวคือ โครงสร้างของอาคาร ระบบและอุปกรณ์ต่างๆ ให้อยู่ในสภาพมั่นคงและปลอดภัยตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 จนเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคาร เป็นเหตุให้บุตรและทายาทของผู้ฟ้องคดีทั้ง 12 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต โดยขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมทั้งดอกเบี้ยให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 12 คน จนล่าสุด ศาลปกครองอ่านคำพิพากษาให้ กทม. ชดเชยค่าเสียหายให้ทั้ง 12 คน ในจำนวนร้อยละ 20 ของค่าเสียหายทั้งหมดที่ผู้เสียหายเรียกร้อง พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ศาลมีคำพิพากษา เนื่องจากศาลเห็นว่า คดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหลายส่วน และเห็นว่า กทม. มีส่วนร่วมในการปล่อยปละละเลยการตรวจตราสถานบันเทิง ซานติก้าผับ จนทำให้เกิดเหตุขึ้น จึงมีคำพิพากษาให้ กทม. ชดใช้ค่าเสียหาย
ส่วนคดีอาญา เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2554 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก นายวิสุขและนายบุญชูเหล่าสีนาท เจ้าของบริษัท โฟกัสไลท์ ซาวน์ ซิสเท็ม ซึ่งรับจ้างทำเอฟเฟกต์ให้ซานติก้าผับเป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งศาลพิเคราะห์หลักฐาน เป็นภาพถ่ายในวันเกิดเหตุ และปากคำของพยานในที่เกิดเหตุแล้ว เห็นว่า ซานติก้าผับไม่มีระบบป้องกันเพลิงไหม้ไม่มีทางหนีไฟ ไม่มีระบบไฟฉุกเฉิน และใช้วัสดุภายในที่ติดไฟได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทางออกฉุกเฉินที่มีเพียง 4 แห่ง ถือว่าไม่ตรงตามความปลอดภัยที่กฎหมายกำหนด จึงพิพากษาให้ฐานกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนจำเลยที่เหลือให้ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมให้แก่ผู้เสียหาย เป็นเงินรวม 8.7 ล้านบาท เว้น นายสราวุธ อะริยะ นักร้องวงเบิร์น คนจุดพลุไฟขึ้นเพดาน จนทำให้เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งศาลสั่งยกฟ้อง เพราะไม่มีภาพหลักฐานปรากฏให้เห็นว่าเป็นคนจุดพลุจริง หลังจากฟังคำตัดสิน จำเลยได้ยื่นประกันตัวและขอสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์ต่อ

จนวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องอย่างชัดเจนว่า จำเลยที่ 1 ทำผิดจริง แม้จะเข้าข่ายผิด พ...ควบคุมอาคาร แต่ไม่ใช่การกระทำประมาทโดยตรง ที่จะทำให้เกิดไฟไหม้ จึงพิพากษาแก้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 คือ เสี่ยขาวจำเลยที่ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ และ เป็นผู้ติดตั้งเอคเฟกต์ เมื่อจุดพลุทำให้ประกายไฟติดบนเพดาน ทำให้เกิดเพลิงไหม้ อุทธรณ์จำเลยที่อ้างว่าสาเหตุไฟไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ไม่มีน้ำหนักหักล้างที่ศาลชั้นต้นพิพากษามาเห็นชอบแล้วรวมค่าสินไหมทดแทน เหมาะสมแล้วจึงยืนพิพากษาตามชั้นศาลชั้นต้น ให้จำเลยที่ บริษัททำเอฟเฟกต์ ปรับ หมื่นและจำคุก จำเลยที่ จำนวน ปี รวมทั้งให้จำเลยที่ และ 7 ร่วมกันชดใช้ผู้เสียหาย 8.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ โจทก์ที่เป็นผู้เสียหายหลายราย ยืนยันว่า จะฎีกาสู้ต่อ อย่าง นางสาวรัตนา แซ่ลิ้มหนึ่งในเหยื่อเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ที่ต้องเสียโฉมและกลายเป็นคนพิการ ยืนยันว่า จะสู้ต่อในชั้นฎีกา แม้ว่าวันนี้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายกฟ้อง ซึ่งยอมรับว่าเสียใจ หลังได้ฟังคำตัดสิน
"จะฎีกาต่อ เพราะผู้เสียหายที่ไปฟังวันนี้ ก็ยืนยันจะสู้ต่อ ตอนที่ฟังศาลพิพากษายกฟ้อง รู้สึกเสียใจ ทำไมศาลชั้นต้นสั่งจำคุกเขา แต่ทำไมศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง แล้วบอกไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน แต่ยังไงก็จะสู้ต่อไป แต่ก็จะยอมรับไม่ว่าผลจะออกมายังไง ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยได้ยินคำขอโทษจากตัวเขาเลย อีกอย่างก็ไม่เคยมาคุยด้วย มีแต่ทนายกับตัวแทนที่มาคุยตอนที่อยู่โรงพยาบาล และตอนที่เขาโทรศัพท์มายื่นข้อเสนอเงินค่าชดเชย แต่ไม่ได้รับโทรศัพท์ ซึ่งถ้าเขาจะขอโทษเขาก็ต้องออกมาขอโทษแล้ว ทุกวันนี้ก็ไม่เห็นเขาเดือดร้อนอะไร ก็อยู่ดีมีสุข แต่ไม่ว่ายังไง เราก็จะไม่เห็นแก่เงินเล็กเงินน้อย เราต้องเอาเขามาลงโทษให้ได้ ซึ่งตอนที่ศาลอ่านคำพิพากษา เขาก็แสดงอาการดีใจออกมา แต่เรานี้สิ รู้สึกเสียใจ รู้สึกแย่เลย"
นอกจากนี้ เหยื่อในเหตุการณ์ซานติก้าผับ ยังเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังว่า
"หลังคำตัดสิน กลับบ้านมา ก็มาเปิดดูภาพ ดูเหตุการณ์วันนั้น รู้สึกสะเทือนใจ รู้สึกแย่มาก มันไม่น่าเกิดขึ้นกับพวกเรา วันนั้นไปกับกลุ่มเพื่อน ตอนแรกก็ไม่ได้จะไปซานติก้า แต่เพื่อนของเพื่อนชวน ก็เลยไป ตอนนั้นเราอยู่ตรงข้ามเวที พอเห็นไฟวิ่งบนเพดาน ไฟก็ดับมืด ควันก็มาเยอะมาก ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า เข้าทางไหนต้องออกทางนั้น แต่ตอนนั้นคนตรงทางเข้าแน่นมาก แล้วเราก็หลุดมือจากเพื่อน ค่อยๆ เดิน แต่แน่นหน้าอกเลยนั่งลงแล้วก็สลบไป ฟื้นข้างหน้าต่าง แล้วกู้ภัยก็มาช่วยออกไป รู้สึกตัวอีกทีอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ตอนนั้นดีใจว่าเรายังไม่ตาย เรารอดแล้ว เราก็พักรักษาตัวอยู่นาน จนมาเห็นสภาพตัวเองครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2552 ความรู้สึกแรกอยากตาย เพราะว่ารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ใบหน้าเรา เรากลายเป็นคนพิการ ร้องไห้ทุกวัน แล้วที่ทำให้เราสภาพจิตใจดีขึ้นมาได้คือ เราฉุกคิดว่า ถ้าฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตายล่ะ และเห็นแม่ที่นอนข้างๆ เราตลอด 6 เดือน ที่คอยดูแลเหมือนเราเป็นเด็กทารกล่ะ แม่ยังอยากให้เรามีชีวิตอยู่ต่อเลย แล้วทำไมเราถึงจะไม่สู้ต่อไป จึงปรับสภาพจิตใจเรื่อยๆ คิดว่าทำอย่างไรให้เราอยู่ต่ออย่างมีความสุข" เหยื่อนซานติก้าผับ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเป็นกำลังใจให้กับคนที่หมดหนทาง มีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ แม้ว่าจะยังไม่ได้รับความยุติธรรมที่เขาต้องการก็ตาม...


คืบ!พบชนวนสั่งตาย “เอ็กซ์” สมคบแก๊งปลอมพระ “อ๊อดขาว” ตุ๋นเปื่อยนักเลงพระ


เผยความคืบหน้าคดีคนร้ายยิง “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์” เสียชีวิต ตำรวจเผย “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์” หนีกบดานบ้านพ่อบุญธรรม “พยัพ คำพันธุ์” ก่อนเดินทางเข้าบ้านพักก่อนพบจุดจบเพียง 1 วัน ไปมั่วสุมกับเครือข่ายยาไอซ์แวดวงคนมีชื่อเสียง รายงานข่าวสืบสวนเชิงลึกชี้ “เอ็กซ์” มีเงินในบัญชีแค่แสนกว่าบาทไม่ได้มีหลายสิบล้านตามที่ปรากฏเป็นข่าว พร้อมพบชนวนสำคัญสมคบแก๊งเซียนพระปลอม “อ๊อดขาว” นำพระปลอมมาหลอกขายคนเล่นพระหลายครั้ง มีการทวงถามเงินคืนกันหลายครั้ง แต่ผู้ตายยืนยันไม่คืน จึงถือเป็นหลักฐานสำคัญที่มีน้ำหนักสุดในประเด็นการเสียชีวิตมากกว่าประเด็นอื่นๆ ส่วนพ่อ-แม่ เข้าให้ปากคำตำรวจ ด้าน “แจ๊ด” อัดฉีดรางวัลนำจับคนร้าย 2 แสนบาท
       
       ความคืบหน้าจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ คนร้ายขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สีดำประกบยิงนายจักรกฤษณ์ หรือ เอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ขณะขับรถยนต์ปอร์เช่สีดำคันหรู บริเวณปากซอยรามคำแหง 166 ถนนรามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม.กระสุนทะลวงอก ซึ่งเอ็กซ์ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามที่มเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
       
       ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้ วันนี้ (22 ต.ค.) มีรายงานข่าวในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีภายหลังตรวจสอบพบว่านายจักรกฤษณ์ได้เดินทางไปพบกับนายไชยา สะสมทรัพย์ ส.ส.เพื่อไทย จ.นครปฐม ก่อนเสียชีวิตโดยนายไชยาออกมายอมรับว่าเป็นเรื่องจริงนั้น ล่าสุดทางตำรวจชุดสืบสวนฯ เปิดเผยว่านายจักรกฤษณ์ได้ไปหลบซ่อนตัวอยู่กับเซียนพระชื่อดัง ในจังหวัดนนทบุรีด้วย
       
       โดยมีรายงานว่าเซียนพระชื่อดังคนดังกล่าว คือ นายพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมพระเครื่องแห่งประเทศไทย หรือ ต้อย เมืองนนท์ เซียนพระชื่อดังอีกราย นอกจากนี้ยังพบว่าานายจักรกฤษณ์มีสถานะเป็นลูกบุญธรรมของ “พยัพ คำพันธุ์” ด้วย โดยตลอดเวลาที่พบเจอกับ “พยัพ คำพันธุ์” เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ จะเรียกว่า “พ่อ” ทุกคำด้วย
       
       นอกจากนี้ในแนวทางสืบสวนเชิงลึกยังสืบทราบว่านายจักรกฤษณ์ภายหลังจากเดินทางกลับจากการหลบซ่อนตัวกับเซียนพระชื่อดังย่านจังหวัดนนทบุรีได้เดินทางกลับบ้านพักที่หมู่บ้านบัวขาวในวันศุกร์ที่ 18 ต.ค.จากนั้นได้ออกไปยุ่งเกี่ยวกับเครือข่ายยาไอซ์แวดวงคนชื่อดังก่อนมาพบจุดจบในช่วงเวลา 19.00 น.วันที่ 19 ต.ค.ด้วย
       
       อย่างไรก็ตามตำรวจยังพุ่งประเด็นไปที่ความขัดแย้งในวงการพระเครื่อง และยาเสพติดเป็นหลัก ล่าสุดพบชนวนสาเหตุสำคัญหลังจากสืบสวนพบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความขัดแย้งในวงการพระเครื่องเพิ่มเติม หลังตรวจสอบพบผู้ตายมีการติดต่อ ซื้อขาย-เช่าพระ กับขบวนการทำพระปลอม ที่มีหัวหน้าแก๊งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการพระเครื่อง ฉายาว่า “เซียนอ๊อดขาว” ซึ่งมีแหล่งผลิตพระปลอมอยู่ในจังหวัดนครปฐม เป็นที่ล่ำลือในวงการพระเครื่องถึงฝีไม้ลายมือที่สามารถปลอมแปลงพระเครื่องที่เป็นที่นิยมในตลาดพระเครื่องได้อย่างแนบเนียน ระดับมือพระกาฬ
       
       ทั้งนี้จากข้อมูลดังกล่าวตำรวจจึงให้ประเด็นเรื่องความขัดแย้งในวงการพระเครื่องมากกว่าประเด็นอื่นๆ เพราะพบผู้ตายมีการติดต่อซื้อขายพระจากอ๊อดขาว ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าผู้ตายมีการนำพระเครื่องปลอมมาขายต่อในตลาดพระเครื่องให้กับผู้นิยมพระเครื่องระดับสูงหลายครั้ง ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีการทวงถามขอเงินคืนจากผู้ตาย แต่ผู้ตายปฏิเสธที่จะคืนเงินให้จึงเป็นประเด็นสำคัญที่มีน้ำหนักมากที่สุดในการสร้างความไม่พอใจ จนนำมาซึ่งการสั่งเก็บนายจักรกฤษณ์ทิ้งเพื่อเป็นการล้างแค้น
       
       อีกทั้งยังตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของผู้ตายพบหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาหานายจักรกฤษณ์ ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นเบอร์โทร.ของดารานักแสดงชื่อดัง “โด่ง สิทธิพร นิยม” ด้วย โดยดาราคนดังกล่าวออกมายอมรับว่าได้โทรศัพท์หาเอ็กซ์จริงในเวลาประมาณ 18.00 น.วันที่ 19 ต.ค.จริง ซึ่งล่าสุดตำรวจได้เชิญมาสอบปากคำแล้ว เนื่องจากตรวจสอบบัญชีของผู้ตายพบมีการโอนเงินไปเข้าบัญชี “โด่ง สิทธิพร” เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท โดยโด่งระบุว่าเอ็กซ์โอนเงินมาใช้หนี้ที่ยืมไปก่อนหน้านี้จำนวน 50,000 บาท พร้อมยืนยันว่าไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตของนายจักรกฤษณ์แต่อย่างใด และไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นยาเสพติดแต่อย่างใด
       
       นอกจากนี้ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดียังได้ตรวจสอบสถานะทางการเงินของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พบว่าไม่ได้มีทรัพย์สินอยู่ในบัญชีธนาคารหลายสิบล้านบาทตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ พบเงินสดอยู่ในบัญชีธนาคารประมาณ 1 แสนกว่าบาทเท่านั้น
       
       อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ สน.มีนบุรี นายมานพ และ นางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม บิดามารดานายจักรกฤษณ์ เดินทางมาพบ พ.ต.ท.ประดิษฐ์ ทะปะสิทธิ์จิตต์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.มีนบุรี เพื่อให้ปากคำกรณีการเสียชีวิตของลูกชายโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
       
       นายมานพ เปิดเผยภายหลังให้ปากคำกับตำรวจว่าสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชายไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งในวงการพระเครื่องหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ส่วนเรื่องความขัดแย้งในครอบครัวยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นตนได้ให้ข้อมูลตำรวจไปหมดแล้ว ซึ่งให้ไปถามกับตำรวจเอาเอง ส่วนกรณีที่ลูกชายเดินทางไปหาอ๊อด นครปฐม เซียนพระชื่อดังนั้นยอมรับว่าเป็นความจริง เพราะเขาสนิทสนมกัน
       
       ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. กล่าวภายหลังการสอบปากคำนายสุนทร บุญญะทวีวัฒน์ หรือ “อ๊อดขาวนครปฐม” อายุ 43 ปี เซียนพระชื่อดัง ใน จ.นครปฐม ว่า ได้เชิญเซียนพระรายนี้มาให้ข้อมูลเนื่องจากมีความสนิมสนมคุ้นเคยกับนายจักรกฤษณ์ ซึ่งเหตุผลที่เชิญ นายสุนทร มาเพราะต้องการทราบข้อมูลว่าช่วงที่ นายจักรกฤษณ์ ไปอยู่ที่ จ.นครปฐม ได้มีปัญหากับใครบ้างหรือไม่ รวมทั้งสอบถามว่านายจักรกฤษณ์ เคยเล่าให้ฟังบ้างหรือไม่ว่าเคยมีปัญหากับใคร ทั้งนี้ ตำรวจเชื่อว่านายสุนทรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการเสียชีวิตของจักรกฤษณ์
       
       พล.ต.ต.ประยนต์ กล่าวว่า จากการสอบถาม นายสุนทร ระบุว่า ประเด็นความขัดแย้งในวงการพระเครื่องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาการเช่าพระราคาเป็นสิบล้านก็ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมยืนยันว่านายจักรกฤษณ์ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายพระปลอมอย่างแน่นอน เพราะอย่างที่ทราบถ้าซื้อขายพระเครื่องที่มูลค่าเป็นล้าน จะต้องการนำพระไปให้เซียนพระหลายรายดูจนแน่ใจว่าเป็นพระแท้ คงไม่ได้ตกลงซื้อขายกัน หรือ จ่ายเงินทันที อย่างไรก็ตามประเด็นเกี่ยวความขัดแย้งในวงการพระเครื่องตำรวจยังไม่ได้ตัดทิ้ง ต้องตรวจสอบให้ครบถ้วน เพราะอย่างที่ทราบมีบางช่วงที่ นายจักรกฤษณ์ มีการให้เช่าพระเครื่องด้วย ซึ่งตรงนี้ต้องดูทั้งหมด โดยจะตรวจสอบบัญชี รวมทั้งเส้นทางการเงินของ นายจักรกฤษณ์ อีกครั้งว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เมื่อรับเงินมาแล้วจ่ายไปให้ใคร รวมทั้งประเด็นความขัดแย้งในครอบครัวก็ต้องตามต่อ ตำรวจยังไม่ได้มีการตัดประเด็นนี้ทิ้งแต่อย่างใด
       
       ผบก.สส.กล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าทางคดีที่ผ่านมาได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลแล้วกว่า 10 ราย ขณะที่การตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ และตามเส้นทางหลบหนีของคนร้าย ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงไปตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุนทร ได้ให้ข้อมูลหรือไม่ว่า นายจักรกฤษณ์ หลบไปอยู่ที่ จ.นครปฐม เพราะสาเหตุอะไร พล.ต.ต.ประยนต์ กล่าวว่า นายสุนทร บอกเพียงว่า นายจักรกฤษณ์ หลบไปพักผ่อน เพราะทั้งคู่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกัน ก่อนหน้านี้ที่นายจักรกฤษณ์ ต้องติดคุก นายสุนทรก็เป็นผู้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวออกไป ส่วนที่ นายจักรกฤษณ์ กลับมา กทม.เพราะว่าคิดถึงลูก
       
       ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงความคดีล่าสุดตนเองได้ตั้งรางวัลนำจับ หรือคนที่ชี้เบาะแสในคดีนี้ เพื่อจับกุมคนร้ายจำนวน 2 แสนบาท ซึ่งสามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่ตำรวจเจ้าของคดีได้ทันที
       
       ส่วนปมสังหารนั้น จะยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เพราะหากตำรวจไปมุ่งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ทั้งเรื่องขัดแย้งพระเครื่อง หรืออื่นๆ อาจหลงทางในคดีได้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (23 ต.ค.) เวลา 10.00 น.จะเรียกประชุมทีมคลี่คลายคดีทั้งหมดมารายงานผล ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งปมสังหารและอื่นๆ
       
       อีกด้าน พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยความคืบหน้าการส่งผลตรวจพิสูจน์ศพนายจักรกฤษณ์ว่า ทางสถาบันนิติเวช ได้ทำการผ่าพิสูจน์ศพ นายจักรกฤษณ์ แล้ว แต่ยังไม่สามารถส่งผลตรวจพิสูจน์ดังกล่าวให้พนักงานสอบสวนรวบรวมในสำนวนได้ เนื่องจาก ทางเจ้าหน้าที่ จำเป็นต้องตรวจแอลกอฮอล์และสารเสพติดภายในร่างกายของ นายจักรกฤษณ์ ก่อนจะส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป ซึ่งจะต้องใช้เวลาสักระยะในการดำเนินการ
       
       ทั้งนี้ ในการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีคนร้ายลอบยิงนายจักรกฤษณ์ หรือ เอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ครั้งนี้ ได้มี พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.สส.น.3 เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสืบสวนข้อมูลเชิงลึกในการคลี่คลายคดีนี้ มีประวัติการสืบสสวนคดีคลายคดีสำคัญๆ มาอย่างโชกโชน ถือเป็นนายตำรวจฝีมือดี มีประสบการณ์ทำงานด้านการสืบสวนสอบสวนให้กับ พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 สมัยดำรงตำแหน่ง รอง ผบช.น.ด้านสืบสวนสอบสวน และ พล.ต.ท.เขตต์ นิ่มสมบุญ อดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และ พล.ต.ท.ธนู หอมหวล อดีต ผบช.ก.


รองเท้าผ้าใบ