วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เร่งช่วย'หมา-แมว'จรจัด โดนผลกระทบช่วงม็อบปะทะตำรว


เสียงดังสนั่น! ที่เกิดจากการยิงแก๊สน้ำตาและการเขวี้ยง-ปาระเบิดปิงปอง ประทัดยักษ์ จากเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่แยก พล.1 สะพานอรทัย และสะพานชมัยมรุเชฐ จากสถานการณ์ทางการเมือง จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมเอง

ผล กระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเพียงแค่กับคนเท่านั้น เมื่อมีการออกมาร้องเรียนจากชาวบ้านที่อาศัยในชุมนุมใกล้กับพื้นที่การ ชุมนุม ว่ามีสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขและแมว ทั้งที่มีเจ้าของและไม่มีเจ้าของ ต่างก็พลอยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไปด้วย


สมาคม สงเคราะห์สัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งนำโดย นางสาวชัญญา (สายพิณ) ผาสุพงษ์ กรรมการสมาคมสงเคราะห์สัตว์ฯ นำจิตอาสาลงพื้นที่สำรวจข้อเท็จจริงดังกล่าว ตามข้อมูลที่ได้รับจากประชาชน โดยลงพื้นที่สำรวจที่ชุมชนตรอกกระดังงา หลังวัดโสมนัส, วัดโสมนัส และชุมชนวัดแค นางเลิ้ง ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับพื้นที่การชุมนุมที่มีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่าง เจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม

จากการที่สอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ ทราบว่าในวันที่เกิดเหตุ นอกจากเสียงดังที่เกิดขึ้น ยังมีควันจากแก๊สน้ำตาที่ลอยฟุ้งเข้ามาถึงในชุมชน ชาวบ้านต้องปิดประตูหน้าต่างเพื่อป้องกันตัวเอง ส่วนสัตว์เลี้ยง ซึ่งมีทั้งที่มีเจ้าของ และสัตว์กึ่งจรจัด ที่ชาวบ้านช่วยกันให้ข้าวให้น้ำในชุมชน พบว่ามีหลายตัวที่ตื่นเตลิดวิ่งหนีและบางตัวเพิ่งจะกลับมาได้ไม่กี่วัน หลังผ่านวันที่มีเหตุการณ์ปะทะ

“เราได้เข้าไปดูแล้วในภาพรวมยังถือ ว่าสัตว์ยังมีความแข็งแรง แต่บางตัวก็พบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น เจ้าดำ สุนัขกึ่งจรจัด ที่อยู่ในชุมชนตรอกกระดังงา ชาวบ้านระบุว่ามันตื่นกลัวและเตลิดหายไป เพราะได้ยินเสียงดังในวันที่มีการยิงแก๊สน้ำตา เมื่อกลับมาก็ค่อนข้างมีอาการเซื่องซึม ส่วนแมว พบว่าหลายตัวมีอาการผิดปกติที่ดวงตา โดยมีขี้ตาและน้ำตาไหลตลอด ซึ่งคงจะต้องช่วยเหลือด้วยการประสานให้โรงพยาบาลสัตว์มาตรวจ”

“ขณะ ที่สัตว์ที่มีเจ้าของนั้น ได้มีชาวบ้านในชุมชนวัดแค ร้องเรียนกับเราว่า มีสุนัขเลี้ยง ที่คาดว่าได้รับผลกระทบเกิดกับดวงตา หลังออกไปตามหาเจ้าของบริเวณสะพานเทวกรรม ในวันที่มีการยิงแก๊สน้ำตา ซึ่งจะต้องพาไปตรวจอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุของอาการว่าเป็นผลจากแก๊สน้ำตาหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่าผลกระทบกับสัตว์ในสถานการณ์แบบนี้ ในบ้านเราไม่เคยมีการศึกษามาก่อน การลงพื้นที่วันนี้ จึงถือเป็นการสำรวจข้อมูล และช่วยจัดระเบียบสัตว์ในชุมชนที่ต้องเผชิญกับช่วงสถานการณ์แบบนี้”

ขณะ ที่สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ ที่ปรึกษาโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสัตว์ ในช่วงภาวะของสถานการณ์ที่ไม่ปกติทางการเมือง มีหลักๆ 2 อย่าง คือ 1.จากเสียงดัง และ 2.จากแก๊สน้ำตา


ทั้ง นี้ แม้จะแยกเป็น 2 กรณี คือ เกิดขึ้นกับสัตว์ที่มีเจ้าของ และไม่มีเจ้าของ แต่ด้วยธรรมชาติของสัตว์แล้ว จะมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเหมือนกัน เพราะเมื่อได้ยินเสียงดัง โดยทั่วไปสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของสัตว์ จะเรียนรู้ด้วยตัวเองว่าจะต้องหนี บางครั้งมันจะวิ่งหนีก่อนที่จะมีการปะทะกันเกิดขึ้นเสียอีก

“ผมโชค ดีที่ในช่วงนั้น ได้พบกับกรณีศึกษาที่เจอกับตัวเองเลย คือเห็นสุนัขที่เข้ามาในเขตพระราชฐาน แถวสนามเสือป่า ระหว่างที่ม็อบกำลังมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ เสียงดังมาก สุนัขตัวนั้นวิ่งหนีมาทางที่ผมอยู่ คือบริเวณลานพระบรมรูป แล้ววิ่งไปทางแยก พล.1 ซึ่งกำลังจะมีการยิงแก๊สน้ำตากันอยู่ โดยสัญชาตญาณมันวิ่งหนีกลับมา ผมเข้าไปในห้องทำงานออกมาเจอมันยังอยู่ ซึ่งโดยปกติแล้ว ถ้าเป็นคนถูกแก๊สน้ำตา คงทนไม่ได้ ต้องไปล้างหน้าล้างตา แต่สุนัขสามารถทนได้ เพราะมันจะมีกระบวนการป้องกันตัวเอง มันจะหลั่งสารล้างสิ่งมีพิษที่กระจกตาได้ค่อนข้างดี และจะหนีทันทีที่ได้ยินเสียงดัง ด้วยความไวของประสาทสัมผัส"

“หาก เป็นสัตว์ที่ไม่เจ้าของจะวิ่งหนีไปไกล...แต่หากเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน มันจะวิ่งหาที่หลบซ่อนที่คิดว่าปลอดภัย ซึ่งเจ้าของจะต้องมีหน้าที่ปลอบโยน หรืออาจจะนำมันใส่กรง ให้สัตว์ได้อยู่ในที่ปลอดภัย แต่ย้ำว่า ไม่ควรขังสัตว์ไว้ในที่จำกัดบริเวณ แต่ควรที่จะให้สัตว์ได้เลือกสถานที่ปลอดภัยเพื่อหลบด้วยตัวเอง เพราะถือเป็นภาวะไม่ปกติต่อสัตว์ ”

การปฐมพยาบาลสัตว์กรณีถูกแก๊สน้ำตา

แม้ ว่าในเบื้องต้น สัตว์จะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่หากยังมีควันแก๊สฟุ้งเข้ามาในบริเวณบ้าน การปฐมพยาบาลที่ถูกต้องนั้น นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ แนะนำว่า ควรใช้น้ำสะอาด เพื่อลดความระคายเคือง โดยให้ล้างลงมาจากที่บริเวณหัวและหน้า เพื่อเอาผงของแก๊สน้ำตาที่ค้างอยู่ออกโดยเร็วที่สุด ซึ่งการใช้น้ำเปล่าที่สะอาด ถือว่ามีความเพียงพอแล้วในการรักษาอาการ และดีกว่าการใช้น้ำเกลือ ซึ่งควรจะนำมาใช้กับกรณีที่มีบาดแผลเกิดขึ้นเท่านั้น

อย่าง ไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดกับสัตว์ที่จะชี้ชัดได้ว่า แก๊สน้ำตาจะสามารถส่งผลต่อสัตว์ถึงขึ้นตาบอดหรือเสียชีวิตได้หรือไม่นั้น ในทางการแพทย์ ยังไม่เคยมีผลการวิจัยมาก่อน แต่ในทางการแพทย์แล้วหากจะทำให้ถึงขั้นตาบอดได้ต้องได้รับอย่างรุนแรงจริงๆ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า อาจเกิดจากการเสื่อมสภาพกระจกตาของสัตว์ตัวนั้นที่เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้วก็ ได้ ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุด ควรที่จะนำสัตว์ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไร

“แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า ผลกระทบอีกอย่างที่เกิดขึ้นกับสัตว์คือ สภาพจิตใจ ซึ่งเจ้าของควรให้ความสำคัญกับการเยียวยาสัตว์ทางด้านจิตใจ พูดคุย หรือปลอบโยนสัตว์ที่ตื่นกลัว ทั้งในช่วงที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น และหลังผ่านเหตุการณ์ไปแล้ว เพราะอย่าลืมว่าสัตว์ไม่สามารถบอกเราเป็นคำพูดให้รู้ถึงความเจ็บป่วยของตัว มันเอง ได้เหมือนอย่างเช่นคน” นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ กล่าวทิ้งท้าย.

รองเท้าผ้าใบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น