วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ระเบิดพลีชีพ 2 ลูกถล่มสถานทูต'อิหร่าน'ใน'เลบานอน' ดับ 23 ศพ

 
เกิดระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ลูก โจมตีบริเวณใกล้เคียงสถานทูตอิหร่าน ในเมืองหลวงของเลบานอน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย โดยกลุ่มติดอาวุธ ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอัลเคดา อ้างตัวว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง...
สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ว่า เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ครั้งบริเวณหน้าอาคารสถานทูตอิหร่านประจำกรุงเบรุต เมืองหลวงของประเทศเลบานอน เมื่อช่วงเช้าวันอังคาร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 23 ราย รวมถึงทูตวัฒนธรรมอิหร่าน และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 146 คน


ภาพ จากล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นชายคนหนึ่ง เดินเข้าหากำแพงรอบนอกของสถานทูตอิหร่านแล้วจุดระเบิด ทำให้ประตูเหล็กของสถานทูตถึงกับบิดงอ ก่อนที่รถคนหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยวัตถุระเบิด ซึ่งจอดอยู่ห่างออกไปสถานทูตราว 2 ช่วงตึกจะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงยิ่งกว่าระเบิดลูกแรก
ด้าน กาซันฟาร์ ร็อคนาบาดี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำเลบานอน เผยว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิตคือ อิบราฮิม อันซารี ทูตวัฒนธรรมอิหร่าน ซึ่งกำลังเดินทางมาทำงานยังสถานทูตในขณะที่เกิดการระเบิด แต่ร็อคนาบีดีไม่ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่สถานทูตคนอื่นได้รับบาดเจ็บหรือไม่


ภาย หลังเกิดเหตุ กองกำลัง 'อับดุลเลาะห์ อัซซาม' กลุ่มติดอาวุธในเลบานอนซึ่งมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายอัลเคดา ก็ทวีตข้อความบนเว็บไซต์ทวิตเตอร์ อ้างตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด และกล่าวยกย่องมือระเบิดซึ่งเป็นชาวเลบานอนนับถือศาสนาสอิสลามนิกายสุหนี่ ทั้ง 2 คน พร้อมขู่ว่าจะมีการโจมตีอีกหากอิหร่านไม่ยอมถอนกำลังทหารออกจากประเทศซีเรีย เนื่องจากพวกเขาสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ต่อสู้กับกลุ่มกบฏ ในสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมานานกว่า 2 ปีครึ่ง
ขณะเดียวกัน วิลเลียม เฮก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งอังกฤษ ประณามเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ระบุว่าเป็นการก่อการร้ายที่น่าตกใจมาก ส่วนฝรั่งเศสเรียกร้องให้เลบานอนและอิหร่านสามัคคีกัน


ทั้ง นี้ เหตุระเบิดเมื่อวันอังคารเกิดขึ้น 1 วันก่อนที่สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทั้ง 5 ประเทศ (สหรัฐฯ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, จีน) และอิหร่าน จะเริ่มการเจรจาว่าด้วยข้อพิพาทเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านรอบใหม่ หลังพวกเขาใกล้บรรลุข้อตกลงบางอย่างในการเจรจาเมื่อช่วงต้นเดือน

รองเท้าผ้าใบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น