วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บช.น.จ่อออกหมายจับ 'สุเทพ' ปลุกม็อบล้มรัฐบาล


บช.น.จ่อออกหมายจับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”  ข้อหาหนัก ปลุกมวลชนล้มรัฐบาล ลุยดำเนินคดี 2 แกนนำ คปท.ละเมิด พ.ร.บ.มั่นคง...

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์การชุมนุมในช่วงวันที่ 11-12 พ.ย.56 ว่า ขณะนี้กลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปักหลักชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 11 พ.ย. มีจำนวนประมาณ 43,700 คน เช้าวันนี้เหลือจำนวนประมาณ 1,100 คน ส่วนกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ซึ่งชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้า เมื่อวันที่ 11 พ.ย.56 มีจำนวนประมาณ 2,650 คน เช้านี้เหลือจำนวนประมาณ 300 คน 

โดยเมื่อเวลา 09.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุม จำนวนประมาณ 2,500 คน นำโดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พร้อมกับแกนนำ 9 คน ได้เดินขบวนไปยังพระบรมมหาราชวัง เพื่อยื่นฎีกาขอพระราชทานสภาประชาชน จากนั้นได้เดินกลับมายังจุดชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้า เรียบร้อยแล้ว สำหรับกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งชุมนุมกันที่บริเวณหน้ากองทัพบก เมื่อวันที่ 11 พ.ย.56 มีจำนวนประมาณ 1,585 คน เช้านี้เหลือจำนวนประมาณ 200 คน 

ในสถานการณ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า กรณีกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ซึ่งได้เข้ามาชุมนุมในพื้นที่ห้าม ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งเมื่อวันที่ 8-9 พ.ย. กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้แจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวถึง 2 ครั้ง แต่กลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ยอมออกไป จึงได้ดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม 2 คน คือ นายนิธิธร ล้ำเหลือ และ นายอุทัย ยอดมณี โดยให้มีความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศและข้อกำหนดให้บุคคลเข้าหรือออกในเขต พื้นที่ ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มาตรา 24 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

โดยกรณีของ นายนิธิธร และ นายอุทัย ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้งแล้ว ตามเลขคดีอาญาที่ 760/2556 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2556 คาดว่าหลังจากสอบปากคำผู้กล่าวหาและพยานเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จะสามารถออกหมายเรียกตัวทั้ง 2 ราย เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาได้ภายใน 1-2 วัน เนื่องจากอัตราโทษอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลแขวง ตำรวจดำเนินการได้เลยหากทำการออกหมายเรียกไป 2 ครั้งแล้วไม่มาก็ต้องมีการออกหมายจับกันต่อไป 

ส่วนกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำ ได้มีประกาศ 4 ข้อ คือ 1.เชิญชวนให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพ หยุดงานในวันที่ 13-15 พ.ย.56 2.เชิญชวนให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพ ให้ชะลอการเสียภาษี 3.ให้ประชาชนติดธงชาติและสติกเกอร์สัญลักษณ์ธงชาติ และ 4.ให้ประชาชนพกนกหวีดติดตัว หากพบเห็นฝ่ายรัฐบาลให้เป่านกหวีดขับไล่ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี อีกข้อคือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 117 ผู้ใดยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมหยุดงาน เพื่อบังคับรัฐบาล หรือเพื่อข่มขู่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งกรณีการออกหมายเรียกตัวนายสุเทพ นี้มีการร้องทุกข์ไว้กับพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ แล้วเช่นกัน คดีอยู่ในอำนาจการพิจารณาคดีของศาลจังหวัด อาจต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานและหลักฐานให้แน่นหนาสักระยะ ก่อนดำเนินการออกหมายเรียกตัวมารับทราบข้อหาต่อไป 

“สำหรับการแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่อพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ นั้น ผู้กล่าวหาได้แจ้งข้อหาเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย หรือกระทำความผิดอื่น โดยพนักงานสอบสวนรับเป็นคดีอาญาที่ 1380/2556 ลงวันที่ 12 พ.ย.56 ซึ่งจะดำเนินการสอบปากคำผู้กล่าวหา สอบปากคำพยาน และนำหลักฐานต่างๆ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวมาประกอบในสำนวนตามกระบวนการตามกฎหมาย” พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าว 

สำหรับกรณีอื่นๆ มีรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น.ที่ผ่านมา ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งจุดตรวจบริเวณแยกเทวกรรม ได้จับกุมตัว นายแสงชัย นาเหล็ก พร้อมอาวุธมีดดาบ จำนวน 1 เล่ม และอาวุธขวาน จำนวน 2 เล่ม ในรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ (ติดสติกเกอร์สถาบันแพทย์ฉุกเฉิน-สพฉ.) ซึ่งรถดังกล่าวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง จึงได้ดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนประกาศและข้อกำหนดห้ามนำอาวุธออกนอกเคหสถาน ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ตามคดีอาญาที่ 765/2556 ลงวันที่ 12 พ.ย. 56 ซึ่งกรณีนี้จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ที่เข้ามาร่วมชุมนุมนั้น ยังมีการพกพาอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมอยู่ ทำให้การชุมนุมไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

รองเท้าผ้าใบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น