วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

'หมอโอ๊ค-โอปอล์' ชื่นมื่นแถลงจดทะเบียน23มี.ค.-ฉลองแต่ง6เม.ย.


ได้ฤกษ์ วิวาห์หวานอีกคู่แล้วสำหรับนักร้อง-พิธีกรหนุ่มดีกรีคุณหมอ โอ๊ค-สมิทธิ์ อารยะสกุล และพิธีกร-ดีเจสาว โอปอล์-ปาณิสรา พิมพ์ปรุ ที่จูงมือมาแถลงข่าวระหว่างซ้อมคอนเสิร์ต "ดีเจ ออน สเตจ" ณ รอยัลพารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ถึงความคืบหน้างานวิวาห์ของทั้งคู่ที่จะจดทะเบียนสมรสในวันที่ 23 มี.ค. 2557 และพิธีฉลองมงคลสมรสในวันที่ิ 6 เม.ย. 2557 ที่จะถึงนี้

ถามถึงความคืบหน้าเรื่องงานแต่งงาน?

หมอ โอ๊ค "อย่างที่สัญญาไว้ถ้าเกิดมีรายละเอียดของงานแล้วจะรีบมาบอก ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว ก็ขอเชิญทุกคนเลยนะครับ เราจะฉลองมงคลสมรสกันวันที่ 6 เม.ย. ปีหน้า จัดที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี"

โอปอล์ "ตอนนี้เราได้เรียนผู้ใหญ่ให้ทราบและก็จองโรงแรมมาเรียบร้อยแล้วเลยมาแจ้ง ให้สื่อมวลชนทราบกัน สำหรับวันที่ 6 เม.ย.จะเป็นงานฉลอง แต่จะมีฤกษ์อีกวันนึงคือวันที่ 23 มี.ค. จะเป็นฤกษ์จดทะเบียน แห่ขันหมากแล้วก็เลี้ยงพระ อันนี้ก็จะเชิญเฉพาะครอบครัว ก็เป็นพิธีไทย แห่ขันหมาก เลี้ยงพระ ไหว้ผู้ใหญ่แล้วก็จดทะเบียน เรื่องวันนี้จริงๆ เพิ่งทราบกันไม่นานมานี้เอง เราอยากให้เคลียร์เรื่องโรงแรมเรียบร้อยด้วย เพราะถ้าโรงแรมยังไม่ลงตัวก็ต้องมาบอกเรื่องของสถานที่กันอีก"

หมอ โอ๊ค "เราต้องต่อสู้กับบ่าวสาวอีกหลายคู่ แล้วซึ่งทุกฤกษ์ก็จะเหมือนๆ กัน ทุกคนก็จะแย่งชิงกันในวันนั้น ก็เลยอยากให้ได้เฟิร์มโรงแรมก่อนแล้วค่อยแจ้งทุกคน"



สินสอดล่ะ?

หมอโอ๊ค "ก็เต็มที่ที่สุดครับ ผมไม่ได้ร่ำรวย ไม่ใช่เจ้าชาย ก็ให้มากที่สุดเท่าที่ให้ได้เพื่อเกียรติของเขา"


โอปอล์ "เราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่างานแต่งงานมันเป็นแค่ส่วนนึง มันต้องทำ
เพื่อผู้ใหญ่ สินสอดเป็นแค่ส่วนหนึ่งของพาร์ทพิธีการเท่านั้นเอง ที่เรารอคอยอยู่คือหลังจากนี้ต่างหาก"

แหวนหมั้น?


หมอโอ๊ค "ก็เป็นแหวนของครอบครัวครับ คุณแม่ส่งต่อมาให้ อีกรุ่นนึงครับ"


ธีมงานเป็นยังไงบ้าง?


โอ ปอล์ "ยังไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ ที่คิดไว้กับพี่โอ๊คเสมอคืองานของเราอาหารการกินต้องดี อย่างเชิญพี่ๆ สื่อมวลชนไปอาหารต้องเน้นที่สุด แล้วเพื่อนๆ ของเราเป็นนักร้องกันเยอะ ทุกคนอยากจะขึ้นโชว์ที่งานของเรา ซึ่งปัญหามันอยู่ตรงนั้น เราต้องไปรันคิว ก็บอกเพื่อนๆ ว่างานแต่งงานเนอะทุกคน"


หลายคนค่อนข้างลุ้นกับชุดเจ้าสาวมาก?

โอ ปอล์ "ก็ค่อนข้างเครียด (หัวเราะ) อย่างวันเลี้ยงพระก็ต้องไม่โป๊ เราก็คงต้องไปดูชุดที่เหมาะสมอีกทีนึง ก็คงเรียบง่าย ถ้าคนที่รู้จักปอล์กับพี่โอ๊คจริงๆ จะรู้ อาจจะดูเวิ่นเว้อ แต่ถ้าเป็นงานเราอยากให้เรียบง่ายแล้วให้คนที่มางานเรามีความสุขกับเรา มากกว่า"


หมอโอ๊ค "เรามีกิมมิกนิดนึงที่แอบคิดไว้แล้วคือตอนอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เนื่องจากเราเป็นคนที่มาจากสองวงการที่มาเจอกัน เราก็อยากให้คนที่มางานมาพบรักกันที่งานของเรา เราตั้งใจว่าจะทำเป็นข้อมือคนโสด เผื่อว่าจะมีคนพบรักกันข้ามวงการเหมือนคู่เรา"

โอปอล์ "ก่อนเข้างาน รับของชำร่วยเสร็จจะมีข้อมือแจกใครโสดมางานหยิบไปเลย พอไฟมืดลงก็คุยกัน คิดว่าทุกคนจะแฮปปี้เพราะในงานจะไม่ค่อยมีพิธีอะไรมาก เพราะเราไม่ค่อยอินกับพิธี แต่คิดว่าทุกคนจะสนุก ปิดไฟแล้วเต้นกันเลย"

หมอโอ๊ค "การแต่งงานมันก็เป็นอีกกระบวนการนึงเท่านั้นเอง สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเราสองคนจะได้อยู่ด้วยกัน"


แล้วมีเข้าคอร์สเจ้าสาวไหม?

โอ ปอลล์ "ก็ทำที่คลินิกพี่โอ๊คแหละค่ะ ไปทำที่อื่นคงไม่ได้ พี่โอ๊คก็ทำให้ซึ่งก็คิดว่าไม่น่าตื่นเต้นอะไรทั้งนั้น ไม่ได้เตรียมตัวอะไรพิเศษ"


เรื่องทายาทล่ะ?

โอปอล์ "อยากมีเลยค่ะ"


หมอโอ๊ค "ก็ใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากจะมีครอบครัว อยากมีลูก"


โอ ปอล์ "ตั้งแต่ได้ฤกษ์มาก็ตกใจว่าต้นปีเลยเหรอ เพราะเราคิดกันว่าคงเป็นช่วงกลางๆ ถึงปลายปี พอฤกษ์มาเร็วเราก็ยังไม่ทันตั้งหลักเรื่องงาน ฉะนั้นเรื่องลูกคงยังไม่ใช่ปีหน้า เพราะเรายังต้องเคลียร์งานอีกเยอะ"


เพื่อนบ่าวสาว?

โอ ปอล์ "เพื่อนเจ้าสาวค่อนข้างโหดมาก ปอล์มีเพื่อนเกย์เยอะ แล้วเพื่อนเกย์ปอล์ไม่เคยได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวเลย ดังนั้นเพื่อนเจ้าสาวปอล์มี 18 คน เป็นหญิงครึ่ง เกย์ครึ่ง ดังนั้นจะเป็นขบวนที่ใหญ่มาก ในขณะที่เพื่อนเจ้าบ่าวมี 4 คนถ้วน คิดว่าเป็นปัญหาในการจัดขบวน ด้วยเราสองคนดูภายนอกจะต่างกันมาก ดังนั้นการที่คนที่มาจากสองที่ที่ต่างกันมันเลยต้องคุยกันเยอะ เพื่อนปอล์จะแรงมาก ฉะนั้นก็ต้องเกรงใจเพื่อนทางฝั่งพี่โอ๊ค ซองนี่ก็คงต้องเตรียมอย่างเยอะ"


พร้อมมากแล้วสำหรับการแต่งงาน?

โอ ปอล์ "ตั้งแต่เราตัดสินใจที่จะแต่งงาน มันไม่ใช่ว่าถึงวัยแล้วที่เราจะต้องแต่งงาน เราแค่รู้สึกว่าเราต้องกลับบ้านแล้วเราต้องแยกกัน เราอยากอยู่ด้วยกันเสียทีแล้ว มันยากที่เราจะเจอใครสักคนที่เราคิดว่าเราอยากจะอยู่กับเขาไปจนแก่ ส่วนการเตรียมพร้อมในการเป็นภรรยา หลายคนไม่ทราบว่าปอล์ทำกับข้าวเก่งมาก เรื่องการเตรียมตัวปอล์เพิ่งมารู้ว่ามันไม่ต้องเตรียมพร้อมอะไรเลย ถึงเวลาจริงๆ มันไม่ยากขนาดนั้น เมื่อเราตัดสินใจแล้วมันไม่ยากเลยกับที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน"



เรือนหอล่ะ?

หมอโอ๊ค "เป็นย่านเดิมครับคือที่บ้านของผมเอง"


โอปอล์
"คือแถวแจ้งวัฒนะค่ะ เนื่องจากบ้านของปอลล์กับพี่โอ๊คอยู่ติดกันมาตลอด คือปอล์ทำการย้ายหนีน้ำท่วมไปที่รามอินทรา แล้วหลังจากนั้นไม่เท่าไหร่ก็ย้ายกลับไปที่เดิม (หัวเราะ) บ้านพี่โอ๊คเพิ่งสร้างเสร็จค่ะ"

ต่อไปนี้ต้องใช้ชีวิตร่วมกัน มีข้อตกลงอะไรไหม?


โอปอล์ "คุยหมดแล้วค่ะ"


หมอโอ๊ค "คุยกันว่าจะไม่โกรธกัน จะไม่ใช้อารมณ์ซึ่งกันและกัน จะไม่ทะเลาะกันข้ามวันนะ"


โอ ปอล์ "ถามว่ามีลิมิตอะไรไหมก็ไม่ค่อยมีเพราะอยู่ด้วยกันรู้จักกันมานานแล้ว แต่ก่อนปอล์จะเป็นคนกรี๊ดๆๆ แล้วพี่โอ๊คเขาจะนิ่งมาก จะหันมาถามว่าผิดขนาดนั้นเลยเหรอครับ เราก็จะแว้ดๆ หลังจากนั้นก็วี้ดๆๆ เสียสติอยู่คนเดียว (ยิ้ม) แล้วก็เริ่มนิ่งๆ พอมีปัญหาก็คุยทันทีว่าไม่ชอบอย่างนั้น ไม่เข้าใจอย่างนี้ ก็คุยกันค่ะ"


หมอโอ๊ค "เน้นการคุยกันเยอะๆ ครับ"


โอ ปอล์ "ก็ปรับจูนกันได้พอดีอย่างน่าทึ่งค่ะ (ยิ้ม) ต้องขอบคุณหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เราคบกัน กระแสตั้งแต่แรกมันแรงมากจนมันเป็นปฏิกิริยาเร่งให้เรากลับมาทบทวนตัวเอง เร็วมากว่าเราต้องการคนคนนี้จริงรึเปล่า หรือเขารักเราจริงรึเปล่า ทุกอย่างมันพิสูจน์ให้เห็นโดยที่เราไม่ต้องพูด การที่เราจับมือกันฝ่าอะไรหลายๆ อย่าง คืออุปสรรคของคู่อื่นอาจจะเข้ากันไม่ได้ พ่อแม่หรือครอบครัวมีปัญหากัน แต่เราเข้ากันได้ทุกอย่าง สิ่งที่เป็นอุปสรรคคือคำพูดของคนที่ไม่รู้จักเราค่ะ ตั้งแต่เราคบกัน คนเข้าใจว่ามันคือกระแส แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งชีวิตของเราเพื่อพิสูจน์อะไรใครทั้งนั้น นี่คือความจริง ปอล์เจอผู้ชายคนนี้ แล้วเขารักปอล์เหลือเกิน เรารู้สึกว่าเราอยากใช้ชีวิตทุกวันกับคนนี้แล้วน่ะ เราไม่จำเป็นต้องโกหกหรือพิสูจน์อะไรทั้งนั้น มันเรียบง่าย มันคือความรักกัน แต่งงานไปแล้วก็ตั้งใจว่าหลังจากนี้ในทุกวันเราจะอยู่ด้วยกัน"




ฝากบอกอะไรถึงคนที่เคยว่าเราไหม?


โอปอล์ "ไม่ฝากค่ะ ขอบคุณดีกว่า แล้วก็หลังจากนี้น่าจะมีแต่เรื่องดีๆ เรื่องมงคล แล้วมันจะเป็นการดีมากถ้าทุกคนอวยพรกับเราเนอะ"


หมอ โอ๊ค "จริงๆ ผมเชื่อในพรหมลิขิตครับ และเชื่อว่าสักวันเราน่าจะเจอคนที่เขาเข้าใจเราครับ คนที่มองข้ามทุกสิ่งทุกอย่างได้ที่เป็นเรื่องกระแสข่าวหรือเรื่องอะไรก็ตาม แล้วรู้จักตัวตนเราจริงๆ แล้วสุดท้ายก็เจอครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคงไม่ใช่เรื่องเงินทอง ความเป็นอยู่ ความยิ่งใหญ่ หรือชื่อเสียง แต่สำหรับเราสองคนคือการมีกันและกันก็เท่านั้นเองครับ ก็ขอให้ทุกคนได้เจอพรหมลิขิตครับ"



รองเท้าผ้าใบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น