วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

ม็อบข้าวโพดเอาบ้างขู่ปิดศาลากลาง ขอกิโลละ8บาท


ม็อบข้าวโพดเชียงใหม่เอาบ้าง ขอรัฐบาลรับซื้อกิโลกรัมละ 8 บาท หากไม่ได้ ขู่ชุมนุมปิดศาลากลาง...  เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 ก.ย. 56 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายอุทัย บุญเทียม ประธานเครือข่ายข้าวโพดอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแกนนำ ได้นำกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม กว่า 200 คน เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายธานินนทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามผลข้อเรียกร้องของกลุ่มเกษตรกรที่ขอให้ทางรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ช่วยเหลือพยุงราคาข้าวโพด ที่มีราคาตกต่ำกว่าต้นทุนการผลิต  ต่อมาทางนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินลงออกจากห้องทำงาน มาพบกลุ่มเกษตรกร และรับหนังสือขอร้องเรียนเพื่อส่งผ่านไปถึงรัฐบาล  นายอุทัย ประธานเครือข่ายข้าวโพดอำเภอแม่แจ่ม กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกร อำเภอแม่แจ่ม ได้ขึ้นทะเบียนเอาไว้กับทางการ จำนวน 7,984 ราย แยกเป็นผู้ที่มีเอกสิทธิ์ในที่ดินในเพาะปลูก จำนวน 281 ราย และผู้ไม่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 7,703 ราย และมีพื้นที่ปลูกข้าวโพด จำนวน 132,616 ไร่ ซึ่งในฤดูเก็บเกี่ยวที่ผ่านมานั้น จะมีผู้ค้าคนกลาง มารับซื้อข้าวโพดในราคากิโลกรัม 7.30 บาท และหากมีความชื้น 30 เปอร์เซ็นต์ จะขายได้ในกิโลกรัมละ 3-4 บาท ซึ่งไม่คุ้มกับต้นทุนค่าแรง ค่าปุ๋ย ค่ายา ทางกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด จึงมายื่นหนังสือให้รัฐบาล ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมา รับซื้อข้าวโพดในราคาประกันเหมือนกับแหล่งอื่นๆ โดยมิให้จำกัดพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิที่ใช้ในการเพาะปลูกด้วย  โดยทางกลุ่มได้ยื่นหนังสือผ่านไปยังรัฐบาล ขอให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมาตั้งจุดรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกร ตั้งแต่ 24 ก.ย. 2556-28 ก.พ. 2557 ในราคากิโลกรัมละ 8 บาท สำหรับค่าความชื้นอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ และราคากิโลกรัมละ 10 บาท สำหรับค่าความชื้น 14.5 เปอร์เซ็นต์ และนับจากนี้ไปอีก 7 วัน คือภายในวันที่ 24 กันยายน 56 ถ้าไม่มีคำตอบชัดเจนจากทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พวกเรากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดใน อำเภอแม่แจ่ม ทั้งหมดกว่า 7 พันราย จะกลับมาชุมนุมปักหลักอยู่ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ จนกว่าจะได้คำตอบการช่วยเหลือจากรัฐบาล  ด้านนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่รับหนังสือแล้วกล่าวว่าพื้นที่ อำเภอแม่แจ่ม อำเภอกัลยาณิวัฒนา และอำเภออมก๋อย แต่ก็ยังถือว่าไม่ใช่แหล่งปลูกข้าวโพดรายใหญ่ เมื่อเทียบกับจังหวัดน่าน และพิษณุโลก ซึ่งมีปริมาณผลผลิตมากกว่า เรื่องนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ก็ได้มีการประชุมกันตลอด รวมถึงเสนอข้อเรียกร้องของเกษตรกรไปยังกระทรวงพาณิชย์ได้รับทราบแล้ว เบื้องต้นทางจังหวัดได้มอบหมายให้ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ และการค้าภายในจังหวัดเชียงใหม่ ให้ช่วยติดตามให้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดูราคาในพื้นที่ว่า ราคาจริงนั้นอยู่ที่เท่าไร และเอกชนรายไหนจะรับซื้อได้บ้าง โดยจะเร่งหาทางออกและช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเร็วต่อไป.


รองเท้าผ้าใบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น